GEL & PSH… ค่อมอุ้มเตี้ยกับข้อสงสัย “ใช้ข้อมูลภายใน”

17 ม.ค. 2566 | 22:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

*** แน่นอนแล้วว่า การควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC ชัดเจนแล้วว่า จะจบลงภายในไตรมาสที่ 1/66 โดยใช้ชื่อว่า “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” ซึ่งเป็นชื่อเดิมของ TRUE ในการเดินหน้าธุรกิจ  
 
กรณีนี้มันชวนทำให้เจ๊เมาธ์นึกไปถึงความหลังครั้งเก่าของ TRUE เมื่อครั้งยังเป็น “เทเลคอม เอเชีย:TA” ที่ได้ลงทุนรวมกับ Orange SA จัดตั้งบริษัท  TA Orange เพื่อให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ Orange จนท้ายที่สุด ก็กวาดซื้อหุ้นทั้งหมดของ Orange SA แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็น TURE…. 
     
ต่อมา ก็มีทางด้านของ China Mobile เข้ามาถือหุ้นใหญ่ (ปัจจุบันถือหุ้นทั้งทางตรงทางอ้อม 18%) และภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ ที่ว่าแล้ว การเปลี่ยนแปลงแทบทุกครั้งราคาหุ้นของ TRUE แทบจะไม่ตอบสนองเด้งขึ้นในเชิงบวกมากนัก ซึ่งขัดกับความคาดหวังของนักลงทุน

ขณที่อีกประเด็น ที่เจ๊เมาธ์ อดคิดไปล่วงหน้าไม่ได้ก็คือ การควบรวมกับ DTAC ในครั้งนี้ อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการเพิ่มทุนอีกระลอก โปรดชายตาไปดูประวัติศาสตร์ในประเด็นการซื้อห้าง Lotus’s ของบริษัทในเครือ CP อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ TRUE ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายบริหาร เคยบอกว่า จะไม่เพิ่มทุน แต่สุดท้าย โยกย้ายกันไปมา..ก็ต้องประกาศเพิ่มทุนอยู่ดี 
     
ประเด็นแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับ TRUE เหมือนหนังม้วนเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นกับบริษัทในเครือเดียวกันก็เป็นไปได้... 

*** ในที่สุดก็ชัดเจนแล้วว่า ความพยายามของ GULF ในการซื้อ THCOM ไม่ใช่เรื่องที่ทำเล่นๆ หรือทำไปเพื่อการโยกกันไปมาระหว่าง INTUCH และ GULF เพื่อ “เงินปันผลพิเศษ” เท่านั้น 

เพราะล่าสุด THCOM กลายเป็นผู้ชนะการประมูลวงโคจรดาวเทียม 2 ใบอนุญาต ในวงโคจร 78.5 องศา ซึ่งเป็นวงโคจรที่ใช้งาน THCOM 6 และ THCOM 8 และใบอนุญาตที่ 3 วงโคจร 119.5 องศา ที่ราคา 417 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงโคจรที่ใช้งาน THCOM 4 ซึ่งนั่นหมายความว่า GULF ในฐานะของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH และ THCOM รวมถึงการมีอิทธิพลกับ ADVANC ผ่านทาง INTUCH กำลังเดินเกมกลายเป็นขาใหญ่โครงสร้างพื้นฐานในระบบโทรคมนาคมของไทยไปโดยปริยาย
      
ในอนาคตอันใกล้ อาจจะถูกมัดรวมเข้าไปกับเรื่อง Fintech ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยระบบโครงข่ายที่สมบูรณ์แบบอีกหนึ่งธุรกิจ เอาเป็นว่า GULF ของ “เสี่ยกลาง-สารัชถ์ รัตนาวะดี”  ยังเป็นหุ้นที่ต้องจับตาดูเอาไว้ให้ดี เพราะทุกย่างก้าวที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายทั้งสิ้น  
     
ไม่แน่...แค่พริบตา ราคาหุ้นในปัจจุบันของ GULF อาจจะเป็นแค่หุ้นราคาถูก ที่ในอนาคตใครๆ ก็เสียดายที่ไม่ได้ทุ่มเงินไปซื้อเอาไว้ในมือก็เป็นได้
     
*** การขยับตัวของนักลงทุนใหญ่อย่าง “สุระ คณิตทวีกุล” เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ COM7 ในแต่ละก้าวเดินล้วนแล้วแต่น่าสนใจอย่างยิ่ง 
        
หากใครเกาะติดการเคลื่อนไหวของนักลงทุนใหญ่รายนี้ ไม่ว่า “เสี่ยสุระ” จะเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวไหนก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า หุ้นตัวนั้น มีการปรับราคาร้อนแรงตามไปด้วยตลอด ไม่ว่าจะเป็น CHAYO GUNKUL MPV SIMAT และ JWD ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า หุ้นตัวนั้น จะมีการขยับราคาอย่างผิดปกติ แน่นอน... 
     
เจ๊เมาธ์ ไม่ได้บอกว่า นักลงทุนรายใหญ่อย่าง “สุระ” เป็นคนเข้าไปทำตัวเป็นจ้าว...หรือ เป็นคนทำราคาหุ้น (มาร์เก้ต เมคเกอร์:MM) นะจ๊ะ เพียงแต่เจ๊กำลังคิดว่าว่า “เสี่ยสุระ” เป็นคนที่มีเงินเหลือเฟือ มีพวกมากและมีหูตาแพรวพราวยาวไกล และหยั่งรู้จนกลายเป็นว่า เข้าไปจับหุ้นตัวไหน...หุ้นตัวนั้นเป็นต้องเด้งแรงก็เท่านั้นเอง  
     
ไม่ต้องมองไปที่อื่นไกล ล่าสุด “เสี่ยสุระ” เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับแรกของ WAVE ที่แม้ว่า จะมีสัดส่วนเพียงแค่ 6.65% ก็ทำให้หุ้นตัวนี้มีสตอรี่ใหม่ๆ ออกมาขายและราคาหุ้นที่เริ่มขยับตัวอย่างโดดเด่น 
     
ของแบบนี้ถ้าไม่ใช่ระดับ “เทพหุ้น” ก็คงจะทำไม่ได้แบบนี้แน่นอน อิอิอิ
     
*** ถึงโค้งสุดท้ายที่หุ้นในกลุ่มธนาคาร จะแจ้งผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะหุ้นธนาคารใหญ่อย่าง KBANK BBL SCB KTB และ TTB  ซึ่งบอกเลยว่าน่าจับตา แน่นอนว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารงวดสุดท้ายของปี 2565 อาจจะออกมาในแบบที่ยังไม่โดดเด่น แต่โดยส่วนตัวของเจ๊เมาธ์...เจ๊ยังยืนยันว่าแม้ว่าในปีที่ผ่านมาราคาหุ้นธนาคาร จะมาไกลมากพอสมควร แต่ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนต่อไปอีกในช่วงปี 2566 
     
อย่างหนึ่งคือ ภาพรวมของเศรษฐกิจที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า จะชะลอตัว ซึ่งของแบบนี้...ยิ่งมีคนรู้มากก็ยิ่งจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะจะมีการระวังตัวจนราคาหุ้นไม่ไปไหน  
     
อย่างที่สองคือ เรื่องอานิสงส์ของการปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาชัดเจนในปีนี้ เจ๊เมาธ์ก็เลยยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า หุ้นกลุ่มธนาคารน่าสนใจเจ้าค่ะ 
     
*** ดีลเหมือนจะดี ระหว่าง บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) ได้สวอปหุ้น บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ในเครือของพฤกษา 51% เพื่อนำไปลงทุนในหุ้น บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL 18.26% ในราคาหุ้นละ 0.37 บาท รวมมูลค่าประมาณ 582 ล้านบาท แต่นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องจับตามองให้ดี โม้กันแหลกว่า  GEL จะกลายเป็นผู้ผลิตพรีคาสท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากงานที่มาจากบริษัทในกลุ่มพฤกษา เพราะจะทำได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่รู้ว่าดีลนี้ ค่อมจะอุ้มเตี้ย หรือไม่ติดตามกันให้ดีๆ?!?
     
ว่ากันด้วยเรื่องหุ้น GEL อย่างไรก็ตาม มี 2 สิ่งที่อยากชวนกันไปตั้งข้อสังเกตคือ หุ้น GEL ของ “เสี่ยบอม” หรือ “ธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์” มีผลขาดทุน 4 ปีติดต่อกัน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทแล้ว โดยล่าสุด งบการเงินงวด 9 เดือนปี 2565 ขาดทุนเละเทะไปอีกกว่า 100 ล้านบาท…         
     
อย่างนี้ไม่รู้ ผู้บริหารจะชี้แจงผู้ถือหุ้นรายย่อยได้อย่างไร กับผลประกอบการที่ย่ำแย่ต่อเนื่องกันมาขนาดนี้  
     
อีกสิ่งที่อยากชี้ให้ชวนดู คือ ความผิดปรกติของราคาหุ้น GEL ที่ก่อนประกาศดีลกับ PSH หรือ “พฤกษา โฮลดิ้ง”… ใครที่เกาะติดหุ้นจะพบว่า ราคาหุ้น GEL ดีดตัวขึ้นมาสวนตลาด โดยขยับขึ้นจาก 0.21 บาทต่อหุ้น ในเดือน ธันวาคม 2565 มายืนเด่นเป็นสง่า 0.34 บาทต่อหุ้น เป็นราคาก่อนประกาศดีลการสวอปหุ้น!!  
     
การขยับตัวของราคาแบบนี้ “ตลาดหุ้น กับ ก.ล.ต.” จะว่าอย่างไรกัน… 
     
ในทางตลาดทุนนั้น พฤติกรรมราคาหุ้นที่วิ่งไต่ขึ้นไป ก่อนมีดีลใหญ่แบบนี้ เขาเรียกว่า “อินไซด์ เทรดดิ้ง”   
     
อย่างไรก็ตาม สังคมควรให้ความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้น ผู้บริหารของบริษัท เพราะต้องเชื่อในเจตนาบริสุทธิ์ในการทำธุรกิจ ด้วยการเข้าไปตรวจสอบให้ชัดแจ้งหน่อย … 
 
จึงขอฝาก “ดร.ปุย- ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “ซือเจ๊แป๋ว- รื่นวดี สุวรรณมงคล” เลขาธิการ ก.ล.ต. ตรวจสอบกระจ่างชัดหน่อย ว่า มีผู้ใดใช้ข้อมูลภายในหรือไม่? ทำไมราคาหุ้นจึงวิ่งแรงก่อนดีล?!?  

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,854 วันที่ 19 - 21 มกราคม พ.ศ. 2566