ก๊อกแรกลุ้น “พิธา” ก๊อกสองลุ้น “เศรษฐา” นายกฯ คนที่ 30

06 ก.ค. 2566 | 05:25 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ก๊อกแรกลุ้น “พิธา” ก๊อกสองลุ้น “เศรษฐา” นายกฯ คนที่ 30 โดย...กาแฟขม

**** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ 3902 ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค.2566 โดย...กาแฟขม

**** คอการเมืองประเมินอย่างหยาบ ต้นเดือนก.ค.นี้ได้ประธานรัฐสภา แต่น่าจะผ่านกลางเดือนก.ค.ไปแล้ว จึงจะได้ตัวนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุสมาชิกวุฒิสภาไม่มีแรงขับดันพอที่จะโหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จึงมีความเป็นไปได้เพียงแค่ 8 พรรคจับมือตั้งรัฐบาลเสนอชื่อ พิธา เข้าไปโหวต แต่ไม่ผ่านด่าน 376 เสียงของสมาชิกรัฐสภา ต้องกลับมาหาชื่อใหม่เสนอ ให้โหวตกันอีก มองข้ามช็อตกันที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย จะถูกหยิบมาเสนอเป็นลำดับถัดไป

*** ไม่ได้ตัวนายกฯ จากพรรคก้าวไกล นั่นอาจทำให้สถานการณ์การเมืองอาจแกว่งๆ ด้วยแรงขับจากสาวกกลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือ กระทั่งกองเชียร์ที่เอาใจช่วยพรรคส้ม อ้างเสียงประชาชนรวมที่ให้มา 14 ล้านเสียงแต่ถูกขัดขวาง ไม่ให้ตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ก็อาจจะมีการชุมนุมประท้วง แต่อาจเป็นในรูป “แฟลชม็อบ” ที่เอฟซีออกมาวูบวาบ โดยไม่มีแกนนำชัดเจน สถานการณ์นำไปสู่ 2 พรรค ก้าวไกล เพื่อไทย ว่าจะได้ฤกษ์หย่ากันเมื่อไร หรือ กอดคอกันไป

 

*** ดูเกมก้าวไกลที่หมายมั่นปั้นมือไว้ กลับไปเป็นฝ่ายค้านแล้วผลักดัน 2-3 เรื่องที่เป็นเรือธงของตัวเอง อย่างแก้รัฐธรรมนูญ สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม ซึ่งใช้แค่บทบาทฝ่ายค้านก็ผลักดันได้ สะสมกำลังและแสดงให้เห็นว่าถูกรังแก ถูกกระทำรอบทิศทาง เก็บคะแนนไปเรื่อย นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่คาดว่าจะถล่มทลาย ว่าที่จริงระดับนำของพรรคก้าวไกล พร้อมมากกับการเลือกตั้งเมื่อเทียบกับพรรคอื่นๆ ด้วยใช้เงินน้อยกว่าพรรคการเมืองอื่นอย่างมาก พร้อมกับการติวเข้ม ส.ส.ของตัวเองให้มีประสบการณ์ ยกระดับ ส.ส. และความเป็นนักการเมืองขึ้นมา พร้อมรับการเลือกตั้งที่ประเมินว่า อยู่ไม่ไกลมากสำหรับรัฐบาลชุดต่อไป อันนี้ระดับนำของพรรคหลายคนประเมินเช่นนี้ตรงกัน

*** รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์ประท้วงในฝรั่งเศสปะทุขึ้นหนักหน่วง เมื่อตำรวจยิงเด็กชายวัยรุ่นอายุ 17 ปี เชื้อสายแอลจีเรียเสียชีวิต ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความไม่พอใจ และส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองใหญ่ และหลายเมืองของฝรั่งเศส กระทั่งบานปลายกลายเป็นความรุนแรงหลายวันติดต่อกัน ตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. ข้ามมาต้นเดือน ก.ค. จากการชุมนุมทั่วไปกลายเป็นความโกลาหลอลหม่าน มีผู้ประท้วงถูกจับกุมมากกว่า 800 คน ควบคุมตัวไปกว่า 1300 คนแล้ว หลังจากมีการก่อเหตุจุดไฟเผาอาคาร ยานพาหนะ ทำให้หลายประเทศออกคำเตือนให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปปารีส หรือ เมืองรอบกรุงปารีส ให้หลีกเลี่ยง โ

ดยทั้งอังกฤษ และ สหรัฐ เตือนพลเมืองของตนเองที่พำนัก หรือ ท่องเที่ยวอยู่ในฝรั่งเศส ให้ติดตามข่าวสารการประท้วงและความคืบหน้าต่างๆ ของสถานการณ์ และให้ติดต่อกับบริษัททัวร์ และไม่มีประเทศใดที่แนะนำให้พลเมืองเดินทางเยือนฝรั่งเศสในช่วงเวลานี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประเมินการประท้วงใกล้ๆ จลาจลในฝรั่งเศสจะหยุดลงเมื่อใด และมีการประกาศเคอร์ฟิวไปแล้ว

 

*** ดูเรื่องเศรษฐกิจกันหน่อย บล.ทิสโก้ วิเคราะห์สรุปครึ่งปีแรกตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -10% ถือว่าแย่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่ให้ผลตอบแทน +12% สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนไม่โดดเด่น เพราะปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งประมาณการกำไรของตลาดที่ยังมีแนวโน้มถูกหั่นลงอยู่ ทำให้ครึ่งแรกของปีนี้ต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท และภาพรวมไตรมาส 3 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ดัชนีขณะนี้หลุดระดับ 1,500 จุดไปแล้ว กำลังสะท้อนภาพการเมืองในประเทศที่ส่อแวววุ่นวาย จัดตั้งรัฐบาลล่าช้าและมีชุมนุมประท้วง ทิสโก้มองดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 3 มีโอกาสลงทดสอบบริเวณ 1,450 จุด และในกรณีเลวร้ายที่เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยเข้าผสมโรงด้วยดัชนีจะไปแตะ 1400 จุด โดยน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีกันเลยทีเดียว ฉะนั้นนักลงทุนก็วางแผนกันดีๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน