“พรรคเพื่อไทย”เหมือนแพ้ แต่ชนะ?

21 พ.ค. 2566 | 07:12 น.

“พรรคเพื่อไทย”เหมือนแพ้ แต่ชนะ? : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย... ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรฐกิจ ฉบับ 3,889

***คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,889 ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ค. 2566 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา แบบแลนด์สไลด์ “ส้มทั้งแผ่นดิน” จำนวน ส.ส.รวมได้เข้ามาเป็นอันดับที่ 1 ที่ 152 ที่นั่ง แยกเป็นส.ส.เขต 113 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง จากการกาลงคะแนนให้ของประชาชนจำนวน 14,233,895 เสียง (ณ 17 พ.ค. 66)

 

ส่วนพรรคที่ต้องผิดหวังอย่างมากคือ พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งเป้าจะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน กับพลาดท่าได้ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับที่ 2 ได้ 141 ที่นั่ง แยกเป็น ส.ส.เขต 112 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 29 ที่นั่ง จากผู้ลงคะแนนให้ 10,865,836 เสียง

*** ภายหลังมีที่นั่ง ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับ 1 พรรคก้าวไกล โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ได้ออกมาประกาศชัยชนะทันที และพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนเองก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งยังบอกถึงพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลประกอบด้วย ก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย รวม 308 เสียง และกำลังติดต่อ พรรคเป็นธรรม อีก 1 เสียง จะทำให้เป็น 309 เสียง คิดว่าเพียงพอแล้วที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และชัดเจนว่าเป็นการปิดประตูการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

*** จริงอยู่ แม้ ก้าวไกล จะรวมเสียงได้ 309 เสียง แต่การโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ยังต้องพึ่งเสียงของบรรดาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 67 เสียง เพื่อให้ได้ 376 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา (ส.ส.500+ส.ว.250) จากจำนวน 750 เสียง ซึ่ง “ไม่ใช่เรื่องง่าย” เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า ส.ว.แต่งตั้งเข้ามาโดยใคร

ประกอบกับยังไม่เคยมีคำยืนยันชัดเจนจาก “เพื่อไทย” ว่าจะร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่มี ก้าวไกล เป็นแกนนำหรือไม่ เพราะหาก “เพื่อไทย” ไม่เล่นด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ที่ ก้าวไกล จะตั้งรัฐบาลได้ โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ 

*** ลองไปดูเงื่อนไขของ “เจ้าของ” พรรคเพื่อไทย ตัวจริง อย่าง ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ที่พูดไว้ใน รายการ CareTalk x CareClubHouse กับทักษิณ เมื่อคืนวันที่ 16 พ.ค. 66 เมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ พรรคไทยรักไทย มาถึง พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวหาว่า สู้ไม่จริง สู้ไป กราบไป  ทักษิณ ตอบว่า แล้วแต่ว่าใครจะพูด เราไม่ได้สู้ แต่ทำงานตามการเมือง ที่ถึงเวลาแข่งก็แข่ง ชนะก็มาเป็นรัฐบาล ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 

*** ส่วนคำว่า “กราบไป” คืออะไร เราเคารพสถาบันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว จุดยืนของ เพื่อไทย และ ครอบครัวชินวัตร คือ เราเคารพรักสถาบัน ใครจะว่าอย่างไร ผมช่วยไม่ได้ ผมเป็นของผมแบบนี้ ยินดีต้อนรับคนวิจารณ์ ผมไม่ได้สู้เพื่อทำอะไรไม่ดีต่อสถาบัน ผมสู้เพื่อเอาชนะทางการเมืองเท่านั้นเอง เรื่องสถาบันผมจงรักภักดี ครอบครัวผมเป็นแบบนี้มา ผมกับคุณหญิง สมรสพระราชทาน ความสำนึกอะไรพวกนี้มันมีอยู่ จะให้ไม่มีอยู่มันเป็นไปไม่ได้เลย แน่นอน สมมุติ พรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล สิ่งไหนที่ พรรคก้าวไกล จะทำ ซึ่งคิดว่าไม่ทำ สิ่งที่กระทบสถาบัน เราก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่เราไม่ใช่เป็นขวาจัดตกขอบ แต่เราเป็นคนไทย เราเคารพในสถาบัน แค่นั้น ชัดเจน ไม่มีบิดพลิ้ว นี่คือผม บางคนชอบสร้างวาทกรรมสวยๆ และสร้าง stigma (ตราบาป) ให้คน ผมไม่สนใจ

*** ทักษิณ ระบุด้วยว่า เท่าที่ได้รับฟังลูกสาว (อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร) เล่าให้ฟังถึงการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกคนยืนยันไปตามหลักการประชาธิปไตย ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ก้าวไกล ชนะ เพราะเขาคิดเกมใหม่ เพื่อไทยยืนยันชัดเจนจับมือ ก้าวไกล ตั้งรัฐบาล อยู่ที่พรรคแกนนำจะไปคุยกับ ส.ว. ให้โหวตสนับสนุน หรือ จะเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้เสียงครบ เชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีไอเดีย ถ้าตกลงกันไม่ได้รัฐบาลรักษาการจะยืดเยื้อต่อไป บ้านเมืองไม่ถึงทางตัน คับขันถึงขั้นต้องปฏิวัติ

*** ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 17 พ ค. 2566 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เสนอข่าว Thaksin Says Party Won’t Back Reforms That Hurt Thai Monarchy อ้างคำกล่าวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่สนับสนุนการกระทำใดๆ ที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดยืนของ พรรคเพื่อไทย และ ตระกูลชินวัตร คือ เราเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ คนอื่นจะมองอย่างไรนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมควบคุมได้ ผมเป็นอย่างที่ผมเป็น และเปิดรับคำวิจารณ์ เพราะผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อทำอะไรที่ไม่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมต่อสู้เพื่อชัยชนะทางการเมืองเท่านั้น” ทักษิณ กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ยังเสนอในรายงานด้วยว่า พรรคก้าวไกล ซึ่งชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ประกาศว่า จะไม่ยอมประนีประนอมต่อการผลักดันการแก้ไข ม. 112 

 *** ถอดรหัสจากคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร “ว.เชิงดอย” แปลความได้ว่า 1.ไม่เห็นด้วยกับการไปแตะต้อง หรือ แก้ไข ม.112 และ 2. การตั้งรัฐบาลอยู่ที่ ก้าวไกล จะไปคุยกับ ส.ว.ให้โหวตสนับสนุน หรือ เพิ่มจำนวน ส.ส.ให้เสียงครบ 376 เสียง โยนเป็นภาระก้าวไกล ...ดูๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ เพื่อไทย จะเป็นนั่งร้าน ให้ ก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะ ก้าวไกล มีนโยบาย แก้ไข ม.112 และ การที่ก้าวไกล จะไปหาเสียงจาก ส.ว.อีก 67 เสียง เพื่อให้ได้ครบ 376 เสียง ในการสนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ได้เป็นนายกฯ ...ก็อย่างที่บอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย   

*** สมมติ หาก ก้าวไกล ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผลักดันให้ พิธา เป็นนายกฯ ได้ เพราะได้เสียงจาก ส.ว.รวมแล้วไม่ครบ 376 เสียง ก็จะเป็นโอกาสของพรรคอันดับ 2 คือ เพื่อไทย ที่จะฟอร์มรัฐบาล โดยมี อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หรือ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ซึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ หากมี ส.ส.จากพรรค 1 ลุง หรือ 2 ลุง มาเป็นพรรคร่วมด้วย ก็อาจ มี ส.ว. สายลุง ๆ มาร่วมโหวตนายกฯ ให้ เพราะ เพื่อไทย ไม่ติดเงื่อนไข ม.112  สถานการณ์ตอนนี้จึงสรุปได้ว่า “เพื่อไทย เหมือนแพ้ แต่ชนะ” ลอ “ส้มหล่น” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล