เมื่อ“เถ้าแก่เนี้ย”เป็นนายใหม่ของ“เถ้าแก่น้อย”!!

*** หลังจากที่ ก.ล.ต. ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 5 ราย จากกรณีการใช้ข้อมูลภายใน (Inside Information) ซื้อขายหุ้นของ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เป็นเหตุให้ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของบริษัทฯ เนื่องจากในบทลงโทษกำหนดว่า นอกจากผู้ถูกลงโทษจะถูกปรับเป็นเงินสด ยังถูกห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือ ผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน หรือบริษัทใดในตลาดทุน เป็นเวลา 20 เดือน ซึ่งต่อมาบอร์ดบริหารมีมติแต่งตั้ง นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ให้ทำหน้าที่ “เถ้าแก่เนี้ย” คนใหม่ของ TKN แทนที่...

ว่าแต่ “เถ้าแก่เนี้ย” คนใหม่ของ TKN คนนี้คือใคร...ขณะเดียวกันการเข้ามาแทน “เถ้าแก่น้อย” อย่าง “ต๊อบ” จะทำให้ผลการดำเนินงานและธรรมาภิบาลของบริษัทนี้ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ???

จากข้อมูลพบว่า นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ เป็นพี่สาวของ นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” และ เป็นน้องสาวของ นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ ซึ่งในเมื่อทั้ง อิทธิพัทธ์ และ ณัชชัชพงศ์ ถูก ก.ล.ต.ลงโทษ ส่งผลให้ นางสาวอรพัทธ์ กลายเป็นคนเดียวในพี่น้องทั้ง 3 คน ที่เข้ามารับไม้ต่อจาก นายอิทธิพัทธ์ นั่นเอง 

จากข้อมูลการถือหุ้นใน TKN ของทั้ง 3 พี่น้องพบว่า 

1. บริษัท พีระเดชาพันธ์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 360,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.09%

1. นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 307,726,200 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 22.30% 

2. นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ถือหุ้นอันดับ 4 จำนวน 58,395,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.23%

3. นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ ถือหุ้นอันดับ 5 จำนวน 48,620,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.52%

ก่อนที่จะขึ้นเป็น CEO ของ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN พบว่า “อรพัทธ์” ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ (ธุรกิจระหว่างประเทศ และการจัดการ) รวมทั้งเป็นกรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงของ TKN และยังพบว่า ปัจจุบันเป็นกรรมการในอีก 6 บริษัท ได้แก่ 

1. บริษัท เรนโบว์ โปรเจกต์ จำกัด 

2. บริษัท จิ๊บว่าดี จำกัด 

3. บริษัท พีระเดชาพันธ์ โฮลดิ้ง จำกัด 

4. บริษัท ดร.โทบิ จำกัด 

5. บริษัท เถ้าแก่น้อย แคร์ จำกัด

6. บริษัท เอ็นซีพี เทรดดิ้งแอนด์ซัพพลาย จำกัด

ต่อคำถามในเรื่องของผลการดำเนินงาน...

หากพิจารณาจากประสบการณ์ของ อรพัทธ์ ซึ่งทำงานอยู่ใน TKN มานาน รวมไปถึงพิจารณาจากสถานทางการการตลาด และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้ที่ผลการดำเนินงานปีนี้ของ TKN มีแนวโน้มว่า อาจลดลง 

ทั้งนี้พบว่า 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรเหลืออยู่เพียง 184 ล้านบาท จากเดิมที่ 6 เดือนแรกของปี 2567 มีอยู่ถึง 562 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนการทำกำไรสุทธิ เหลืออยู่เพียง 6.96% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มี 13.96% และในปี 2567 ที่มีสูงถึง14.59% ส่งผลให้ภาพรวมของผลงานในปี 2568 ทั้งปีจะปรับตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และอาจหมายความได้ว่า การมาของ “เถ้าแก่เนี้ย” อาจไม่ได้ส่งผลกระทบที่จะทำให้ TKN จะมีกำไรมากขึ้น หรือ น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดของบุคคลที่ถูกลงโทษทั้ง “อิทธิพัทธ์ และ ณัชชัชพงศ์” และพิจารณาจากจำนวนหุ้นที่มีอยู่รวมไปถึงตำแหน่งงานในบริษัทฯ ทำให้หลายคนมีข้อสงสัยจนถึงขั้นคิดไปไกลว่า “เถ้าแก่เนี้ย” อาจจะเคยได้รับรู้ หรือได้เห็นใส้ในของ TKN ภายใต้การบริหารงานของ “เถ้าแก่น้อย” หรือ นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ น้องชายของ อรพัทธ์ แม้อาจไม่ใช่ในทางตรง...แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจเห็นผ่านๆ หรือรับรู้มาโดยทางอ้อมก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม...เรื่องในอนาคตเป็นได้เพียงแค่การคาดการณ์และอาจจะไม่เกิดขึ้นจริง ของแบบนี้ประมาทกันไม่ได้อยู่แล้ว!!!

เอาเป็นว่า เจ๊เมาธ์ขอให้กำลังใจ CEO คนใหม่ ให้ทำผลงานที่ดีขึ้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะถ้าทำได้ดี นักลงทุนที่ติดดอยหุ้น TKN อยู่ในตอนนี้ ได้มีโอกาสที่จะหลุดออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังรอดู และรอความหวังจาก “เถ้าแก่เนี้ย” คนใหม่เจ้าค่ะ อิอิอิ

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์