ก.ล.ต. ชี้ชัด! TKN ซื้อหุ้นผ่านนอมินี ไม่รายงานแบบ 59 ผิดไหม?

30 ต.ค. 2568 | 08:56 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2568 | 09:05 น.

เปิดคำตอบ ก.ล.ต. กรณี “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ใช้ข้อมูลภายในให้นอมินีซื้อขายหลักทรัพย์แทน กลับไม่พบการรายงานแบบ 59 มีความผิดในกรณีที่ไม่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ

KEY

POINTS

  • ก.ล.ต. ชี้ชัดว่า กรรมการหรือผู้บริหารที่ซื้อหุ้นผ่านบัญชีบุคคลอื่น (นอมินี) แต่ไม่ยื่นรายงานแบบ 59 ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
  • ความผิดฐานไม่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ ถือเป็นคนละกรณีกับความผิดฐานใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading)
  • หน้าที่ในการยื่นรายงานแบบ 59 เป็นของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเท่านั้น ส่วนตัวนอมินีหรือผู้ให้การสนับสนุนในการซื้อขายไม่มีหน้าที่ต้องรายงาน

จากกรณี ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อบุคคล 5 ราย กรณีซื้อหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน (Insider Trading) บุคคลทั้งห้าประกอบด้วย นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ นางพนิดา วิริยะกิจนุกูล นางสาวฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์ และนายจักรพันธ์ ชาติปรีชา

โดยทั้งหมดถูกลงโทษให้ชำระค่าปรับและเงินชดใช้รวมกว่า 16 ล้านบาท พร้อมทั้งถูกห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป และเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59) ของ TKN ในปี 2565 กลับพบว่า มีการยื่นรายงานเพียง 6 ครั้ง และทั้งหมดไม่เกี่ยวเนื่องกันกับประเด็น Insider Trading 

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ได้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยกำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชีของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ มีหน้าที่ต้องเปิดเผยรายงานการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของตนและของคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวการถือหลักทรัพย์ของบุคคลดังกล่าวซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่อาจล่วงรู้ข้อมูลภายใน (inside information) ของบริษัท และอาจหาประโยชน์จากข้อมูลนั้นก่อนที่ข้อมูลจะเปิดเผยเป็นการทั่วไป

ซึ่งกรณีที่กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์โดยกระทำผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น (nominee) และไม่ปรากฏการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน จะถือว่ากรรมการหรือผู้บริหารซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดกรณีอาศัยข้อมูลที่ล่วงรู้ภายในดังกล่าว มีความผิดในกรณีที่ไม่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ด้วย

เอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทั้งนี้ อำนาจในการพิจารณาดังกล่าวเป็นของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (คณะกรรมการเปรียบเทียบ)

อย่างไรก็ตาม หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ ก.ล.ต. ก็จะดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการเปรียบเทียบพิจารณาแล้วเห็นควรเปรียบเทียบ หรือ ก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษแล้ว  ก.ล.ต. จะเปิดเผยผลการดำเนินการในเว็บไซต์ ก.ล.ต. ต่อไป ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. 

เมื่อถามถึงตามหลักเกณฑ์แล้วมีระบุไว้หรือไม่ว่า การซื้อขายหุ้นปริมาณเท่าไหร่ขึ้นไปจะต้องมีการรายงานในแบบ 59 และในกรณีบุคลทั่วไปที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น 3 บุคคลข้างต้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นนอมินี จำเป็นต้องมีการรายงานแบบ 59 ด้วยหรือไม่อย่างไรนั้น

นายเอนก อธิบายเพิ่มเติมว่า ก.ล.ต. ได้กำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร ของบริษัทจดทะเบียน ต้องรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบริษัทตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยให้ผู้มีหน้าที่รายงานนำส่งรายงานแบบ 59 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทาง website ของ ก.ล.ต.

ทั้งนี้ ประกาศ สจ.6/2567 เรื่อง การจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชี ผู้ทำแผน และผู้บริหารแผน กำหนดให้นำส่งรายงานภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์

เว้นแต่กรณีที่มูลค่าของแต่ละรายการน้อยกว่า 3 ล้านบาท สามารถรายงานภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ทำรายการแล้วมีมูลค่าสะสมถึง 3 ล้านบาท หรือเมื่อครบ 6 เดือนนับแต่วันที่ทำรายการแรก แล้วแต่กรณีใดถึงก่อน

ส่วนกรณีผู้ที่ให้การสนับสนุนในการซื้อขายหลักทรัพย์แทนกรรมการ ผู้บริหาร นั้น บุคคลดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งรายงาน เนื่องจากมาตรา 59 กำหนดให้กรรมการ ผู้จัดการ ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารตามที่สำนักงานประกาศกำหนด และผู้สอบบัญชีของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยรายงาน