KEY
POINTS
จากกรณี ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อบุคคล 5 ราย กรณีซื้อหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน (Insider Trading) บุคคลทั้งห้าประกอบด้วย นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ นางพนิดา วิริยะกิจนุกูล นางสาวฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์ และนายจักรพันธ์ ชาติปรีชา
โดยทั้งหมดถูกลงโทษให้ชำระค่าปรับและเงินชดใช้รวมกว่า 16 ล้านบาท พร้อมทั้งถูกห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป และเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59) ของ TKN ในปี 2565 กลับพบว่า มีการยื่นรายงานเพียง 6 ครั้ง และทั้งหมดไม่เกี่ยวเนื่องกันกับประเด็น Insider Trading
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ได้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยกำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชีของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ มีหน้าที่ต้องเปิดเผยรายงานการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของตนและของคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวการถือหลักทรัพย์ของบุคคลดังกล่าวซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่อาจล่วงรู้ข้อมูลภายใน (inside information) ของบริษัท และอาจหาประโยชน์จากข้อมูลนั้นก่อนที่ข้อมูลจะเปิดเผยเป็นการทั่วไป
ซึ่งกรณีที่กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์โดยกระทำผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น (nominee) และไม่ปรากฏการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน จะถือว่ากรรมการหรือผู้บริหารซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดกรณีอาศัยข้อมูลที่ล่วงรู้ภายในดังกล่าว มีความผิดในกรณีที่ไม่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ด้วย
ทั้งนี้ อำนาจในการพิจารณาดังกล่าวเป็นของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (คณะกรรมการเปรียบเทียบ)
อย่างไรก็ตาม หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ ก.ล.ต. ก็จะดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการเปรียบเทียบพิจารณาแล้วเห็นควรเปรียบเทียบ หรือ ก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษแล้ว ก.ล.ต. จะเปิดเผยผลการดำเนินการในเว็บไซต์ ก.ล.ต. ต่อไป ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.
เมื่อถามถึงตามหลักเกณฑ์แล้วมีระบุไว้หรือไม่ว่า การซื้อขายหุ้นปริมาณเท่าไหร่ขึ้นไปจะต้องมีการรายงานในแบบ 59 และในกรณีบุคลทั่วไปที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น 3 บุคคลข้างต้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นนอมินี จำเป็นต้องมีการรายงานแบบ 59 ด้วยหรือไม่อย่างไรนั้น
นายเอนก อธิบายเพิ่มเติมว่า ก.ล.ต. ได้กำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร ของบริษัทจดทะเบียน ต้องรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบริษัทตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยให้ผู้มีหน้าที่รายงานนำส่งรายงานแบบ 59 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทาง website ของ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ ประกาศ สจ.6/2567 เรื่อง การจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชี ผู้ทำแผน และผู้บริหารแผน กำหนดให้นำส่งรายงานภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์
เว้นแต่กรณีที่มูลค่าของแต่ละรายการน้อยกว่า 3 ล้านบาท สามารถรายงานภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ทำรายการแล้วมีมูลค่าสะสมถึง 3 ล้านบาท หรือเมื่อครบ 6 เดือนนับแต่วันที่ทำรายการแรก แล้วแต่กรณีใดถึงก่อน
ส่วนกรณีผู้ที่ให้การสนับสนุนในการซื้อขายหลักทรัพย์แทนกรรมการ ผู้บริหาร นั้น บุคคลดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งรายงาน เนื่องจากมาตรา 59 กำหนดให้กรรมการ ผู้จัดการ ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารตามที่สำนักงานประกาศกำหนด และผู้สอบบัญชีของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยรายงาน