อสังหาริมทรัพย์ไทย ในสายตาคนเมียนมา

10 มี.ค. 2567 | 21:30 น.

อสังหาริมทรัพย์ไทย ในสายตาคนเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ผมเขียนอ้างอิงไปว่า ระยะนี้มีชาวเมียนมา ได้เข้ามาซื้อหาคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตที่อยู่ในใจกลางเมือง อย่างในละแวกสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร ที่มีราคาค่อนข้างแพงที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างผม ก็ยังไม่มีปัญญาซื้อได้ ก็ได้มีแฟนคลับที่ติดตามผมมานาน ชื่อคุณป๊อป ณัฐชัย ปิ่นอักษรสกุล ได้ส่งข้อความมาหาผม เนื้อหาบางส่วนก็น่าสนใจมาก เพราะคุณป๊อปเคยเป็นผู้นำพาชาวเมียนมาเข้ามาหาซื้อเอง ปีที่ผ่านมาก็ปิดการขายไปสามยูนิต โดยสองยูนิตแรกราคาอยู่ที่ประมาณยูนิตละ 5 ล้านบาท ส่วนยูนิตที่สามราคาอยู่ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่า สิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ

ที่น่าสนใจคือ เหตุผลที่ทำให้การเข้ามาซื้อหาคอนโดมิเนียมของชาวเมียนมามีมากขนาดนั้น เพราะนอกจากกฎหมายไทยเรา ไม่ได้อนุญาตให้ชาวต่างประเทศถือครองที่ดินได้แล้ว ชาวเมียนมาเองเขาก็มีประสบการณ์ในด้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นคอนโดมิเนียมที่บ้านเขา เพราะประเทศเมียนมาโดยเฉพาะในกรุงย่างกุ้ง ผู้คนจะอยู่บ้านที่เป็นคล้ายๆ “แฟลต” เสียเป็นส่วนใหญ่

ส่วนบ้านที่เป็น “วิลล่า” หรือบ้านเป็นหลังๆ คนที่มีฐานะดีมากๆ เท่านั้น จึงจะมีปัญญาซื้อหามาพักอาศัยกัน แฟลตที่กรุงย่างกุ้ง จะมีทางขึ้นลงอยู่ตรงกลางของอาคาร ที่คล้ายๆ อาคารพาณิชย์บ้านเรา พอขึ้นไปตั้งแต่ชั้นสองจนถึงชั้นสูงสุด ด้านซ้าย-ขวาก็จะเป็นบ้านของคนที่อาศัยทั่วไป โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย บางครั้งบ้านเราที่อาศัยอยู่ด้านซ้าย อาจจะไม่รู้จักหรือไม่สนิทสนมกับคนบ้านขวามือเราก็เป็นไปได้ นี่คือสังคมเมืองอย่างแท้จริงเลยครับ

ต่อมาหลังช่วงเปิดศักราชใหม่ ในยุคเมียนมาเปิดประเทศในช่วงปี 2010 เป็นต้นมา ก็เริ่มมีการปั่นราคาที่ดินกันอย่างสนุกสนาน ราคาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเดิมเป็น 7-800% ติดตามมาด้วยการสร้างอาคารคอนโดมิเนียมใหญ่เกิดขึ้นในใจกลางกรุงย่างกุ้ง ราคาคอนโดมิเนียมในกรุงย่างกุ้งที่เกิดมาใหม่ๆ ได้มีการปั่นราคากันตามราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดิน ตอนนั้นราคาขายตกอยู่ที่ 400-500 US$ ต่อตารางฟุต (1 ตารางเมตรเท่ากับ 10.76ตารางฟุต) คนมีอันจะกินเท่านั้นจึงจะอยู่ได้ เพราะฉะนั้นราคาคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ ที่บอกว่าตารางเมตรละแสนกว่าบาท ถ้าเทียบกับราคาคอนโดมิเนียมในกรุงย่างกุ้ง ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยครับ

การลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในใจกลางกรุงย่างกุ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีฐานะดีเสียมากกว่า ในยุคนั้นแค่เปิดตัวก็แย่งกันซื้อแล้ว ดังนั้นการมาหาซื้อในกรุงเทพมหานคร จึงไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจยากสำหรับเขาเลย สิ่งที่จะทำให้เขาลำบากในการมาซื้อหา จะมีเพียงปัญหาเดียวเท่านั้น นั่นคือทำอย่างไรให้สามารถนำเงินของเขาที่อยู่ในประเทศเมียนมา ออกมานอกประเทศได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายของทั้งสองประเทศต่างหาก ที่ยังเป็นปัญหาที่จะต้องหาทางแก้ไขสำหรับเขา

ถ้าหากทางผู้ประกอบการไทย สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้เขาได้ แน่นอนว่าเขาน่าจะยินดีมาซื้อหาแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมว่า วันนี้ค่าเงินจ๊าดมักจะมีการลดค่าลงตลอด เขาเองหากสามารถเก็บรักษาเงินของเขาได้ ไม่ให้วันหนึ่งค่าเงินเขาหายลงไปเกือบสอง-สามเท่า เขาย่อมยินดีที่จะรับฟังและทำตามอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากเขามาซื้อคอนโดมิเนียมที่บ้านเรา นอกจากสามารถรักษาค่าเงินของเขาได้แล้ว เขายังสามารถให้ลูก-หลานที่อยากออกมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯได้พักอาศัยด้วย นั่นย่อมเป็นการยิงนกด้วยกระสุนนัดเดียว ได้นกสองตัวเลยครับ

ผมคงไม่ต้องอธิบายว่าวันนี้ประเทศเมียนมาเขามีปัญหาอะไร จึงอยากจะออกมาลงทุนที่ต่างประเทศนะครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนย่อมรู้ดี แต่ที่แน่ๆ หากเขาได้เข้ามาอาศัยพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทยเรา เหมือนดังพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย เราเคยประสบพบมา แน่นอนว่านั่นคือความมั่นคงของชีวิต ที่ทุกคนก็ล้วนจะซาบซึ้งเป็นอย่างดีครับ อีกประการหนึ่ง หากหัวหน้าครอบครัวสามารถเข้ามาได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ลูก-หลานที่จะตามเข้ามา อีกจำนวนไม่รู้สักเท่าไหร่ละครับ แต่นั่นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เราคงไปห้ามกระแสยากมาก เราจะมีแต่ต้องช่วยกันคิดต่อไปว่า ทำอย่างไรให้เขาเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่าให้เข้ามาโดยผ่านการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย เพราะนั่นจะเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุดครับ สารพันปัญหาจะตามมาอีกเยอะเลยครับ

ขั้นตอนการเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมก็มีความเชื่อว่าทางการไทยเรา ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจคนเข้าเมืองก็ดี ระบบมหาดไทยของเราก็ดี ระบบความมั่งคงแห่งชาติก็ดี ล้วนแล้วแต่มีการตรวจสอบ และระบบการยื่นขออนุญาตที่ค่อนข้างจะดีและรัดกุมมากอยู่แล้ว เพียงแต่จะถูกง้างด้วยระบบที่ไม่อยู่ในขั้นตอนที่เรามองไม่เห็นเท่านั้น ดังนั้นหากเราช่วยๆ กันสอดส่องให้ดีๆ อย่าให้กลุ่มนายหน้าที่นำพามา หรือแนะนำต่อๆ กันมาจากทางเมียนมา ซึ่งบางคนอาจจะเป็นนายหน้าเถื่อน สามารถใช้ช่องทางพิเศษพิสดารนี้ เพื่อหาผลประโยชน์ได้ เราก็จะช่วยให้ภาครัฐของไทยเรา ได้เม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนทางตรงลักษณะนี้ เอาไปใช้ในการพัฒนาประเทศได้ครับ