Bitkub vs Binance สงครามยักษ์ และภาษีตราบาปของสรรพากร…

18 ม.ค. 2565 | 23:30 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** นาทีนี้ต้องบอกว่า GULF ทำราคานิวไฮได้แทบทุกวัน...การจับมือกับ BINANCE ถือเป็นการรุกเข้ามาในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ก็เปิดหน้าชนกับ BITKUB ซึ่งเป็นเจ้าตลาดคริปโตในประเทศตรง ๆ เช่นกัน
 

หากจะว่ากันถึงฐานกำลังของ BITKUB เจ้าตลาดเดิมซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 90% อยู่แล้ว ก็ยังมี  SCB ประกาศซื้อหุ้น Bitkub 51%  ซึ่ง SCB มีฐานลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชัน SCB EASY จำนวน 12.4 ล้านรายเป็นพันธมิตร

ฟากของ GULF ที่ประกาศจะจับมือกับ BINANCE ก็มี INTUCH ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC เป็นพรรคพวก ซึ่ง ADVANC ก็มีฐานข้อมูลของผู้ใช้โครงข่ายของ AIS จำนวนถึง 43.7 ล้านเลขหมายอยู่ในมือเป็นพันธมิตร เจ๊เมาธ์ขอบอกเอาไว้ว่า การเข้ามาของ BINACE ในครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การจับมือกับ GULF เพื่อเปิดประตูใบอนุญาต แต่ BINANCE ยังเปิดช่องเอาไว้เพื่อรุกตลาดคริปโตฯ ในประเทศไทย  พร้อมจับมือกับใครเพิ่มเติมอีกก็ได้ ทั้งบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต หรือกำลังจะได้รับใบอนุญาตเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทนั้นๆ นำเพลทฟอร์มการซื้อขายของ BINANC มาใช้งาน แบ่งผลประโยชน์กันอย่างลงตัว ...มันก็ไม่ต่างจากการที่ BINANCE เข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วยตัวเอง นั่นเอง 
 

จากนี้ไป การแข่งขันกันระหว่าง “ตาอินกับตานา” ซึ่งก็คือ BITKUB และ BINANCE จะเกิดขึ้นอย่างดุเดือดแน่นอน แต่ก็นั้นหละ...เจ๊เมาธ์แนะนำให้จับตาดู “คริปโตมายด์”  ซึ่งเป็นอีกบริษัทที่สามารถจับมือกับทุกฝ่ายเอาไว้ให้ดี ไม่แน่ว่า “คริปโตมายด์” นี่หละ จะกลายเป็น “ตาอยู่” ได้ชิ้นปลามันนี้ไปกินเองก็ได้นะคะ จับตาดูให้ดีเถอะค่ะ
 

*** จังหวะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์หลายตัวกำลังไล่ราคาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่หุ้น CGH ซึ่งเป็นเจ้าของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป กลับยังนิ่งเหมือนรออะไรอยู่บางอย่าง แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่า ในขณะที่บริษัทอื่นมีแค่การพูดถึงและการปล่อยข่าวว่าจะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี่ แต่ CGH กลับลงมือทำไปแล้วตั้งแต่เมื่อกลางปี 64 ผ่านมา  
 

CGH มีการเคลื่อนที่อย่างช้าๆ แต่ก็เป็นความช้าที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นด้วยเช่นกัน เริ่มจากการที่ CGH เข้าไปลงทุนใน บริษัท คริปโตมายด์ ซึ่งทำธุรกิจที่เกี่ยวของกับสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของไทยในสัดส่วน 25% (แว่วว่าถ้าตกลงกันได้อาจจะขยับขึ้นไปถือหุ้นเต็ม 100%) ขณะเดียวกันก็ทุ่มเงิน 500 ล้านบาทเพื่อลงทุนใน ‘PI VENTURES’ เพื่อเดินหน้าลงทุนธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล ทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล-เมตาเวิร์สทั่วโลก และขณะเดียวกัน CGH ก็ได้มีการวางระบบ ECO System ที่เกี่ยวของกับการซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุน รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี่อย่างครบวงจรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
 

จับตาดูดีๆ ไม่แน่ว่า CGH  อาจจะเป็น “ตาอยู่” อีกคน ที่เข้ามามีเอี่ยวและมีส่วนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับตลาดคริปโตฯ ในเมื่องไทยได้เช่นกัน เจ๊เมาธ์ก็ซิบว่า...อีกไม่นานรู้เรื่องเจ้าค่ะ
 

*** เจ๊เมาธ์มึน และงง กับมาตรการกำกับดูหุ้นและการซื้อขายหุ้นในเรื่องของการกำหนดคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายหรือที่นักลงทุนส่วนใหญ่เรียกง่ายๆ ว่า ติดแคชฯ (Cash Balance) เพราะสำหรับหุ้นบางตัวราคาหุ้นก็ไม่สูงมาก ปริมาณการซื้อขายแต่ละวัน ในระหว่างที่ติดแคชฯ ไม่ร้อนแรงจนดูแล้วมีปัญหา แถมค่าพีอีของหุ้นก็สูงไม่ถึง 40 เท่า แต่ก็ยังติดต้องแคชฯ แบบติดแล้วติดอีกออกจากคุกไม่ได้ซะที ไม่ต้องดูอื่นไกลเอาแค่ทาง UBE ติดแคชบาลานซ์ซ้ำซากเป็นตัวอย่างก็ได้
 

ขณะที่หุ้นติดแคชบาลานซ์อย่าง  SABUY  ราคาหุ้นสูงถึง 35-37 บาท พี/อี สูงเกือบๆ 300 เท่า แถมปริมาณการซื้อขายระหว่างถูกขัง ระดับ1 (T1) ก็สูงกว่าตอนก่อนที่จะติดแคชฯ ซะอีก แต่ในที่สุด SABUY ก็หลุดแคชฯ ออกมาได้ซะอย่างนั้น 
 ตกลงว่ามาตรฐานที่ว่ามันคืออะไร หรือว่าใช้แค่เกณฑ์ในการพิจารณาแค่ว่าถูกใจ...ชอบใจ และ พอใจ ก็จบกันเท่านั้นหรือค่ะ ที่ถามนี่ไม่ได้ถามประชด แต่มีนักลงทุนหลายคนหลังไมค์ มาบ่นมาถามว่ามันคืออะไรกันแน่ และส่วนตัวเจ๊เมาธ์เอง อยากรู้เหมือนกันเจ้าค่ะ   
 

*** ถึงเวลาหุ้น TRITN ขึ้นได้ซะที หมดเสี้ยนหนาม ประมาณว่า “ศต.” ขายหุ้นเกือบหมดเกลี้ยง เล่นตัวนี้ต้องว่องไวพอสมควร ถึงเวลาต้องตัดใจขาย ก็ต้องขาย เพราะเวลาขังๆ ยาว  


*** เจ๊เมาธ์ฝากติดตามธุรกิจกัญชา-กัญชง อย. เตรียมชงปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด หุ้นที่ได้ประโยชน์เต็มๆ อย่าง EE ที่มี นางฟ้ากัญชง แคน “นาบิส” ในมือ 40,000 ต้น เก็บเกี่ยวรุ่นแรก เม.ย.นี้ ...เจ๊บอกเลย เกมส์ใหญ่และยาวววว ค่ะ


*** ตบท้ายที่ภาษีหุ้น เรื่องน่าเศร้าของตลาดทุนไทย ข้อมูลที่อ้างว่าลึงสุดลับก้นบึ้งของตลาดหลักทรัพย์ สุดท้ายข้อมูล เชิงการศึกษาธรรมด๊า ธรรมดา ถึงผลเสีย-ผลดีของการเก็บภาษีหุ้น  ควรให้ผู้คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งโบรกเกอร์ ตลาดหลักทรัพย์, ก.ล.ต. และกรมสรรพากร นักลงทุน ได้รับรู้-รับทราบ แต่ไม่รู้ว่า ทำไม!!! ต้องปกปิดข้อมูลเหล่านี้ ทำไมค่ะ ถึงไม่ช่วยให้คนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะสรรพากร นักธุรกิจ ช่วยกันคิดรอบด้าน ว่าการจัดเก็บภาษีหุ้น เป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าคิดจะกอดข้อมูลไว้ จะศึกษาไปเพื่อหยั่งว่ะ เพราะการเก็บภาษีเป็นหายนะกับตลาดทุน หายนะประเทศชาติ แต่กลับไม่เปิดเผยข้อมูล เพื่ออะไร ที่สำคัญ ก่อนนำมาใช้ ต้องเฮียริ่ง ขอความเห็นทุกด้าน กับผู้เกี่ยวข้อง ผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ใช่ถังแตก คิดอะไรไม่ออก เห็นตรงไหนคว้าได้รีบคว้า ไม่คิดถึงความ อิ๊บ...อ๋าย ของตลาดทุน ที่เป็นแหล่งระดมทุนสำคัญของประเทศ...เจ๊เมาธ์ฝากให้คิดค่ะ 


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,750 วันที่ 20 - 22 มกราคม พ.ศ. 2565