ลูกอิสานแห่งลุ่มน้ำอิยะวดี

10 ม.ค. 2565 | 00:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

การกำหนดชะตาชีวิตตนเองนั้น อย่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ใครก็สามารถกำหนดชีวิตของตนเองได้ ขอเพียงให้มีหัวใจที่แกร่งกล้าพอเท่านั้น เหมือนดังชายหนุ่มลูกอิสานคนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะต้องออกไปเผชิญชีวิตยังต่างแดน ที่ต้องยอมละทิ้งความศิวิไลซ์ในเมืองไทย มุ่งหน้าหาความเจริญก้าวหน้าของตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร?
        

คุณศักดิ์ (ขอสงวนใช้นามสมมุติ) เป็นเด็กหนุ่มที่มีความแน่วแน่ และเป็นคนที่มีการเรียนที่ดีมาก ในช่วงแรกของชีวิตได้เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ จนกระทั่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) จากที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ดีมากมายนัก อีกทั้งยังมีน้องๆ ที่รอคอยรับความช่วยเหลือจากพี่ชายคนนี้อีกสามชีวิต

หลังจากที่จบการศึกษา คุณศักดิ์ก็สมัครเข้าไปทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการค้าหนังเทียมพีวีซี ในฐานะที่เป็นพนักงานขาย เงินเดือนที่ได้รับ แม้จะไม่มากมาย แต่คุณศักดิ์ก็ต้องมีภาระในการส่งเสียน้องๆ อีกสามคน ให้ได้รับการศึกษาที่ดี ซึ่งน้องๆ ทุกคนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทุกคนต่างสอบเข้าศึกษาต่อได้ในคณะแพทย์ศาสตร์ 


ก็นับว่าโชคดีที่น้องๆ ทุกคนมีการเรียนที่ดี คุณศักดิ์ซึ่งมีหน้าที่แบ่งเบาภาระของทางบ้านด้วยการต้องส่งเสียน้องๆ หนึ่งในนั้นมีน้องท่านหนึ่ง ปัจจุบันนี้ได้เป็นนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ถ้าบอกชื่อไปผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักนายแพทย์ท่านนี้แน่นอน ซึ่งก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้แก่วงศ์ตระกูลเป็นอย่างยิ่งครับ

ในช่วงที่ทำงานเป็นเซลส์ขายหนังเทียมอยู่นั้น คุณศักดิ์ก็มีลูกค้าหลายท่าน ที่เป็นชาวเมียนมา เข้ามาซื้อสินค้าส่งเข้าไปขายในประเทศเมียนมา เพราะในยุคนั้นประเทศเมียนมายังมีความต้องการหนังเทียมเข้าไปผลิตกระเป๋า เข็มขัด และเฟอร์นิเจอร์เยอะมาก เพราะที่เมียนมาไม่สามารถผลิตหนังเทียมได้ จึงต้องมาหาซื้อจากประเทศไทย และบังคลาเทศ อินเดีย ส่งเข้าในประเทศเมียนมา บางคนก็ซื้อผ่านตัวแทนนายหน้า ซึ่งก็ต้องยอมเสียค่ากำไรของนายหน้า 


บางคนที่มีช่องทางหรือมีพรรคพวกที่อยู่กรุงเทพฯ ก็นิยมเข้ามาที่กรุงเทพฯเพื่อหาซื้อที่แถววงเวียนใหญ่ แล้วส่งเข้าไปขายที่ย่างกุ้ง ซึ่งคนที่นำเข้าส่วนใหญ่จะขายเป็นวัตถุดิบ เพื่อให้โรงงานผลิตนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่ออีกที แต่บางคนที่เป็นผู้ผลิตสินค้าเอง ที่ไม่อยากซื้อจากตัวแทนนายหน้า ก็เข้ามาซื้อหาเอง อย่างเช่นลูกค้าคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าประจำของคุณศักดิ์นั่นแหละครับ ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณศักดิ์และกลายเป็นเพื่อนสนิทต่อมาครับ
         

ในช่วงที่เป็นพนักงานอยู่นั้น คุณศักดิ์ได้เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายมาก เพื่อนร่วมงานหลายคนซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีการติดต่อกันอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนของคุณศักดิ์ได้ชวนให้คุณศักดิ์เดินทางไปดูตลาดหนังเทียมพีวีซีในเมืองย่างกุ้ง ในฐานะที่คุณศักดิ์เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย  


ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเจ้านาย เพราะเห็นว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้แก่พนักงาน เพื่อจะได้นำเอาความรู้ที่ได้เห็นมาจากตลาดจริงๆ ในเมืองย่างกุ้ง เข้ามาพัฒนาการขายหนังเทียมพีวีซีต่อไป แต่ใครจะไปคิดว่า การไปดูตลาดของคุณศักดิ์ครั้งนั้น เจ้านายคุณศักดิ์จะต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่ดีเยี่ยมไป และการไปในครั้งนั้นตัวคุณศักดิ์เอง ก็ได้เป็นแรงจุดประกายให้มีอนาคตที่ดีในวันนี้ นี่คือฟ้าลิขิตและความฝันที่ตนเองต้องสานต่อและสร้างขึ้นด้วยความกล้าของตนเองแท้ๆ เลยครับ


หลังจากกลับมาครั้งนั้น แรกๆ คุณศักดิ์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคงดำเนินชีวิตด้วยการเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอยู่ต่อไป ซึ่งก็ใช้เวลาในการเป็นลูกจ้างอยู่ยาวนานถึง 11 ปีเลยทีเดียว ในช่วงนั้นคุณศักดิ์ได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายมาก จนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งให้ไปคุมโรงงานด้วยการเป็นผู้จัดการโรงงาน จนกระทั่งสุดท้ายได้กลับมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท นับว่า  11 ปีที่อยู่ในบริษัทดังกล่าวนั้น ได้สร้างผลงานไว้มิใช่น้อยเลยครับ 


จนกระทั่งต่อมาน้องๆ ทุกคนของคุณศักดิ์สำเร็จการศึกษา ทุกคนได้เป็นแพทย์และมีฐานะดีแล้ว โดยที่ทุกคนได้เริ่มที่จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว คุณศักดิ์จึงเริ่มคิดถึงอนาคตของตนเอง และเริ่มที่จะเบื่อหน่ายการเป็นลูกจ้างต่อไป เพราะชีวิตของลูกหลานจีนทั่วไป พ่อแม่มักจะสอนลูกหลานให้เป็นพ่อค้าวาณิชย์ มากกว่าจะสอนให้ลูกหลานออกไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นเขา 


เพราะเขาเชื่อว่าการเป็นพ่อค้าวาณิชย์ สักวันหนึ่งถ้าฟ้าเปิด การขายเต้าฮวยก็ยังสามารถรวยได้ แต่การเป็นลูกจ้างคนอื่น โอกาสที่จะรวยมีน้อยมาก มีแต่จะสร้างความร่ำรวยให้แก่คนอื่นเขา นอกเสียจากว่า ได้มีโอกาสเป็นลูกจ้างของเจ้านายที่มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงามเท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากได้ 


ซึ่งถ้าถามว่านายจ้างประเภทดังกล่าวนี้มีหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามีครับ แต่ก็มีส่วนน้อยที่จะค้นพบนายจ้างประเภทนั้น คนที่โชคดีเท่านั้นแหละครับที่จะประสบพบเจอนายจ้างประเภทดังกล่าวครับ
       

เมื่อเห็นว่าน่าจะหาช่องทางในการทำมาหากินหรือค้าขายเอง คุณศักดิ์ก็จึงได้ติดต่อเพื่อนรักคนหนึ่ง ที่เขาเข้าไปหากินอยู่ที่ประเทศเมียนมา เพื่อขอเดินทางเข้าไปพักผ่อน และเพื่อทำการสำรวจตลาดดูว่าจะทำอะไรดี เพราะส่วนตัวคุณศักดิ์ไม่อยากจะไปทำการขายหนังเทียม เพื่อแข่งขันกับเจ้านายเก่า เนื่องจากพ่อแม่สั่งสอนไว้ ไม่ให้เนรคุณผู้ที่เคยอุปการะมาก่อน เพราะไม่เคยเห็นคนเนรคุณคนแล้วร่ำรวยได้ดิบได้ดี 


ซึ่งการไปเป็นลูกจ้างของเจ้านายก็เหมือนได้รับการเลี้ยงดูจากเขา แม้สิ่งที่ได้รับการตอบแทนมา จะเป็นเพียงค่าจ้างแรงงาน แต่ก็ต้องไม่ไปทำให้เขาไม่สบายใจ จึงได้ขอไปพักอาศัยที่บ้านเพื่อน เพื่อเดินสำรวจตลาดต่อไป 
     

อาทิตย์หน้าผมจะขอนำเอาอาชีพแรกที่คุณศักดิ์ทำในประเทศเมียนมา มาเขียนเล่าให้อ่านนะครับ โปรดติดตามชีวิตที่น่าสนุกของลูกผู้ชายลูกอิสานคนนี้ต่อไปนะครับ