จับตา “บิ๊กตู่” เช็กบิลกบฏ ริบเก้าอี้ รมต.

08 ก.ย. 2564 | 07:15 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม

...เสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คะแนนออกมาบู้บี้รองบ๊วย แถมตัว พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจสูงสุด เกือบเป็นนายกฯ คนแรกที่ตกเก้าอี้กลางสภาฯ ไม่รู้ว่าบุญกรรมอย่างไร ว่ากันว่างานนี้จะมีเช็กบิลตามมากับผู้หาญกล้ากบฎกับนายกฯ ปรับครม.ใหญ่ ยุทธการเด็ดหัว หัวโจกต้านนายกฯ ริบเก้าอี้รัฐมนตรีจัดกันใหม่ตามมาเป็นแม่นมั่น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ค้ำยันนายกฯ แตกดังโพละไม่มีชิ้นดีคราวนี้
 

...เกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ขุมกำลัง หรือ ท่อน้ำเลี้ยงต่างๆ หรือกล้วยต่างๆ  ที่เคยมุ่งตรงไปลงที่บิ้กบราเธอร์ ต้องหันเหหักหัว หันมาหาลุงตู่ ที่ประกาศชัดลงมาคลุกคลีกับส.ส.มากขึ้น เป็นธรรมดา ธรรมชาติ และนักธุรกิจ กลุ่มทุนค่อนข้างไว และมีความรู้สึกพิเศษอยู่แล้ว ถ้าจะสนับสนุนใคร ก็ไม่ต้องการปั่นไซด์โค้งให้เสียเวลา ยิงตรงเลยดีกว่า เป็นภาพการเมืองที่ยืดเวลาในเก้าอี้นายกฯ ลุงตู่ อีกระยะ แต่ถ้าดูทีท่าน่าจะไม่นานนักด้วยเกิดรอยปริร้าวใหญ่ขึ้นแล้ว ถ้าประมาทพลาดพลั้ง ก็พร้อมสะดุดหัวทิ่มตลอดเวลา แปะข้างฝาไว้เลย ใกล้เข้ามาแล้ว
 

...สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ยอดผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ 1.4-1.5 หมื่นรายต่อวัน แต่ไม่ไหวแล้วถ้าปิดล็อกดาวน์ต่อไป ไม่ได้ทำมาหากินกัน ปากท้องรอไม่ได้ ก็จำต้องหาทางอยู่ให้ได้กับโควิด ท่าทีจึงต้องผ่อนคลายทั้งหมด รวมไปถึงการยกเลิก พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินว่าด้วยการควบคุมโรค ยุบศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินไปพร้อมๆ กับเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน หันไปใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.บ.โรคติดต่อปี 2558 แทน นัยว่าแค่นี้ก็เพียงพอบริหารจัดการ เล็งๆ กันไว้ว่าจะดีเดย์ปลดล็อก คลายล็อกให้กันทั้งหมดในวันที่ 1 ต.ค.นี้ 

...ศบค.วิเคราะห์สถานการณ์โควิดขณะนี้เริ่มทรงตัว ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากเอกชนดีพอสมควร และประชาชนก็มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ แม้จะมีบางส่วนไม่ปฏิบัติตามมาตรการก็ตาม แต่ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ จึงพิจารณา พ.ร.บ.โรคติดต่อมาใช้ได้ แทนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยกฎหมายใหม่ที่จะเกิดขึ้น คาดว่าดีกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตอบโจทย์ได้เกือบทั้งหมด เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุขที่ทราบถึงปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาเป็นอย่างดี
 

...ยืนยันมาจาก อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) การจ่ายเงินให้กับผู้ปกครองหรือนักเรียน ในอัตรา 2,000 บาท ต่อนักเรียน 1 คน ให้จ่ายตามจำนวนนักเรียนที่มีตัวตนอยู่จริง ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 และต้องเรียนอยู่ในโรงเรียน ณ วันที่จ่ายเงิน โดยการเบิกจ่ายสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี คือ โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผู้ปกครองหรือนักเรียน หรือจ่ายเป็นเงินสดให้กับผู้ปกครองหรือนักเรียน โดยโรงเรียนจ่ายเงินให้เต็มจำนวนไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ และยืนยันไม่มีค่าธรรมเนียม 50 บาทอย่างที่กล่าวหากันแต่อย่างใด
 

...เมื่อจะคลายล็อกดาวน์ เปิดทางท่องเที่ยวกันได้แล้ว พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เด้งรับทันควันด้วยการเดินหน้ากระตุ้นไทยเที่ยวไทย ทั้งโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” รัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ให้คูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท เมื่อเดินทางเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ก็ถูกงัดมาเตรียมรองรับทันที ต.ค.นี้พร้อมปฏิบัติการ

...เชื้อยังไม่หมด ธนาคารกรุงไทยก็ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชน ส่ง Krungthai Care Box (Home Isolation Kit) ให้ผู้ที่ติดโควิดเเละต้องกักตัวอยู่บ้าน เปิดดูในกล่องมีปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว หน้ากากอนามัย เจลเเอลกอฮอล์ ยาพื้นฐาน เช่น ยาฟ้าทลายโจร พาราเซตามอล #กรุงไทยเคียงข้างทุกพลังใจ #กรุงไทยเคียงข้างไทยเคียงข้างคุณ
 

...เมืองไทยประกันชีวิตก็เช่นกัน มีเมืองไทย CARE BAG แทนคำขอบคุณและห่วงใยออกมา มีทั้งเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว สเปรย์แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ REFILL #เพราะความสุขคือทุกอย่างจึงแสดงความห่วงใยกัน