การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับ “ผู้บัญชาการ กองทัพ” ในปีนี้ถือว่าดุเดือดเลือดพล่านที่สุดเมื่อถึงบัดนี้ยังไม่มีความชัดเจนลงตัว ท่ามกลางความตึงเครียดทาง “การเมือง & การม็อบ”
แต่ที่ดุเดือดเลือดพล่านกว่าและทำให้การแต่งตั้งลากยาวมาจนบัดป่านนี้คือ “การจัดวางคนในระนาบ 5เสือ ทบ.&แม่ทัพภาคที่1” ซึ่งเป็นเรื่องของคนในรั้ว ทบ.ที่ฝุ่นตลบจนบัดนี้
กองทัพบก กลายเป็นหน่วยเดียวที่การจัดโผทหารของ ทบ. ยังไม่ลงตัว เพราะมีความเห็นที่แตกต่างในการวางคน ระหว่าง “ผบ.ทบ” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ตท.22) นายทหารสายฉก.ทม.รอ.904 กับ “พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” นายทหารหัวหน้าขบวน “บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ”
“สายบูรพาพยัคฆ์” เป็นฉายานามของกลุ่มนายทหารหน่วยกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ที่สัญลักษณ์ของ “เสือกับดาบ” โดย ผบ.ร.2 รอ.จะเป็น ผบ.กองกำลังบูรพา รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนฝั่งตะวันออกทั้งหมด ต่อมาได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งในเมืองหลวงก็จะเป็นสายวงศ์เทวัญ
“วงศ์เทวัญ” เป็นชื่อเรียกของกลุ่มทหารบก ที่รับราชการในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล. 1 รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งถือว่ามีบทบาทเรื่องความมั่นคงอย่างมาก นายทหารส่วนใหญ่ ที่ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพน้อย แม่ทัพภาคที่1 ล้วนแล้วแต่ขึ้นตำแหน่งสูงสุดทั้งสิ้น
ในอดีตทหารสายวงศ์เทวัญ มักจะผูกขาดตำแหน่งสูงสุดในกองทัพบก เป็น ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รวมถึงมักมีบทบาทในการรัฐประหาร ทว่านับตั้งแต่ “ยุค 3ป” ครองอำนาจ ผู้นำเหล่าทัพจึงเกิดการผสมผสานกันแต่ต้องมาในสาย “บูรพาพยัคฆ์&วงศ์เทวัญ” เท่านั้น
ยกเว้น “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ที่ก้าวขึ้นมาจากสาย ฉก.ทม.รอ.904 ที่มี “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ผลักดันแซงหน้า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จนต้องโยกมาเป็นเลขาธิการ สมช. รอบนั้นบิ๊กแดงนำทีมจัดจั้งหน่วยขึ้นตรงพิเศษ โดยคัดเลือกนายทหารระดับแกนนำ 15-20 นาย มาอบรมหลักสูตรพิเศษ ฝึกหนักเป็นเวลา 3 เดือน ย่านเขตทวีวัฒนา กทม.
ต่อมาได้จัดตั้งหน่วยทหารชุดนี้ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และมีการคัดนายทหารตั้งแต่ระดับ “นายร้อย นายพัน นายพล” ทั้งตำรวจ ทหาร ไปฝึกพิเศษ ทั้งความอดทน ราชสวัสดิ์ บุคลิกภาพ ราชประเพณี แบบเคร่งครัด สัญลักษณ์นายทหารกลุ่มนี้คือ “เสื้อยืดข้างในคอแดง” ส่วนเข็มกลัดจะเป็นรูปเจ้าฟ้าฯที่หน้าอกเสื้อ
ถึงตอนนี้เป็นที่แน่ชัดว่า การจัดวางคนในกองทัพบกนี่แหละเป็นเหตุให้การแต่งตั้งล่าช้าเกินกว่าปกติ และเป็นเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องเลื่อนการประชุม “7 เสือกลาโหม” หรือ คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล จากเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปเป็นวันที่ 30 ส.ค.นี้ แทน เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจการคัดเลือกนายทหารจากกองทัพบก ที่ได้โอนไปเป็น “ทม.รอ.” ที่ “บิ๊กบี้-ผบ.ทบ.” เป็นผู้นำหน่วยทำให้ต้องมีการปรับโผทหารในตำแหน่งที่ว่างลงไป
ในขอบข่ายงาน ต้องบอกว่ารอบนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. ที่มีอายุราชการอีก 2 ปี ต้องการจัดโผวางคนของตัวเองขึ้นมาในการบัญชาการตรงเป็นครั้งแรกด้วยอำนาจเต็มมือ เพราะโผครั้งก่อน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ร่วมจัดโผทหารทบ.ก่อนเกษียณฯ จึงมีการเลือกคนวางคนที่ต้องสลับปรับเปลี่ยน เช่น การสไลด์เสนาธิการทหารบก ไปเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม
ขณะเดียวกันในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ก่อนหน้านี้เป็นรุ่น ตท.21-22 ผงาดูหลายนาย แต่รอบนี้ เกษียณยกแผง จึงต้องปรับทัพเปลี่ยนคนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา “คอขวด” เรื่องรุ่นในอนาคต
ตามโผ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องการจะผลักดัน พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ หัวหน้าสำนักงาน ผบ.ทบ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. อันนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ เพราะไม่ค่อยมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ทบ.ที่มาจากสายอำนวยการไม่ใช่สายกุมกำลัง และรอบที่ผ่านมา พล.อ.อภินันท์ ก็ไม่ได้ขึ้น เสนาธิการทหารบก เพราะโดน พล.อ.วรเกียรติ์ รองเสธ.ทบ.แซงโค้งสุดท้ายเข้าป้าย ตัวเองต้องไปนั่งเป็น หัวหน้าสำนักงาน ผบ.ทบ. แต่รอบนี้บิ๊กบี้ต้องการให้เป็นรองผบ.ทบ. เพราะมองตารู้ใจ สั่งได้แม้ตายก็ยอม
คนที่สองต้องการขยับ พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง รุ่นน้อง ตท.24 จาก ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หรือ “ทหารหมวกแดง” ที่จะเกษียณปี 2566 พร้อมกัน ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.
ขณะที่ “บูรพาพยัคฆ์&วงศ์เทวัญ” ต้องการวางตัว “บิ๊กต่อ” พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. ซึ่งจะเกษียณปี 2567 เพื่อเข้าคิวรอขยับขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไป นอกจากนี้ต้องการ ขยับ “บิ๊กติ่ง” พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. ที่ต้องนั่งควบตำแหน่ง เลขาธิการ กอ.รมน. ด้วย
ทั้ง พล.ท.เจริญชัย และ พล.ท.สันติพงศ์ ล้วนเติบโตมาจากสายทหารเสือราชินี ร.21 รอ. เป็นสายตรงบิ๊กป้อม สายตรงบิ๊กตู่ แต่ถือว่าคนละสายกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ “ทั้งคู่” มีความใกล้ชิดกับ นายกฯตู่เป็นพิเศษผิดกับ “บิ๊กบี้” ที่ห่างจากนายกฯ 10 รุ่น
5 เสือ ทบ. 2 ตำแหน่งนั้น ทางบูรพาพยัคฆ์&วงศ์เทวัญต้องการให้ได้ แต่ที่ต้องการมากว่าคือ ตำแหน่ง “แม่ทัพภาคที่ 1” ที่เป็นการวางขุนทัพนายกองไว้ยาวถึงปี 2569-2570 กันเหนียวในเรื่องอำนาจและการชำระสะสางในอนาคต และตรงนี้เองที่มีความเห็นไม่ตรงกันหนักหน่วงมาก ใครพบาดอาจตกเป็นเบี้ยล่างทันที
ฝั่ง “บูรพาพยัคฆ์&วงศ์เทวัญ” ผลักดัน พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง (ตท.23) แม่ทัพน้อยที่ 1 กับ ลูกน้องเก่าของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ซึ่งพลท.สุขสรรค์นั้นถือว่าสายตรงบ้านป่ารอยต่อ และสายตรงลุงตู่ ลุงป๊อกตัวจริง
แต่ ผบ.ทบ.และ “บิ๊กแดง” ต้องการผลักดันน้องรัก “บิ๊กออฟ” พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) อดีตรองแม่ทัพภาคที่1 ที่ในรอบที่แล้วถูกเด้งพ้นสวนมิสกวัน ไปกินตำแหน่งรอง เสธ.ทบ. ใน บก.ทบ.เรียกได้ว่าหลุดไลน์ไปแล้ว
พล.ท.ทรงวิทย์ นั้นเป็นบุตรชาย พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีตผบ.ทบ. โดย พล.ท.ทรงวิทย์ ออกมาติดยศ พลโท ที่ตำแหน่ง รองเสธ.ทบ. เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้กระแสมาแรงที่ ผบ.ทบ.ต้องการให้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป เพราะเห็นฝีมือและความกล้าหาญตอนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภาคที่ 1
ถ้า พล.ท.ทรงวิทย์ขึ้นแม่ทัพภาคที่1 ถือเป็นตำแหน่งที่ “การันตี” ว่ามีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคต และนั่นหมายถึงว่า จะหมดสิ้นนายทหารสายตรง” 3 ป.”ทันที โดยนายทหารสายตรงจะจบแค่ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ เท่านั้น
พล.ท.ทรงวิทย์ เกษียณปี 2568 หากขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.ท.เจริญชัย ได้นั้น ก็จะเป็นการ “แหวกประเพณี ทบ.” ที่คนเป็น ผบ.ทบ. ต้องจบ นายร้อย จปร. เพราะ พล.ท.ทรงวิทย์ จบนายร้อยเวอร์จิเนีย หรือ VMI สหรัฐฯ
แม้ทั้ง พล.ท.เจริญชัย พล.ท.ทรงวิทย์ ต่างเป็นนายทหาร ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย ทั้งคู่ แถม เป็นรองแม่ทัพภาคที่1 มาด้วยกัน แต่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. หลังจากนี้ไป จะต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 หรือไม่เท่านั้น โดยหากนับตั้งแต่ยุค พล.อ.อภิรัชต์ เป็นต้นมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นคนที่ 2 ถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นตัวสะท้อนว่า อำนาจทางทหารกำลังเปลี่ยนมือแล้ว
พลังบารมี 3ป. ที่รุ่งเรืองจนคุมบูรพาพยัคฆ์&วงศ์เทวัญมายาวเหยียดนานกว่า10ปี บัดนี้กำลังเจอมรสุมแห่ง ฉก.คอแดง กำลังสำแดงพลัง
ลมตะวันออกแห่งท้องทะเลกำลังเปลี่ยน กำลังทหารที่เป็นศูนย์กลางอำนาจจะเปลี่ยนเช่นไร ช่างระทึกในฤทัยยิ่งนัก!