ด่าข้อยเอ็งจะด้อยค่า

30 ก.ค. 2564 | 23:29 น.

ด่าข้อยเอ็งจะด้อยค่า : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3701 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 1-4 ส.ค.2564 

ผมเคยโดนแฟนคลับถามลองเชิงว่า “หมาอะไรผ๊อมผ๋อม?” ผมตอบเขาว่า “หมาลดน้ำหนัก!”

 

ผมไม่รู้จริงๆ ว่า คนถามเขาชอบออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก (ฮา) เขาก็หัวเราะนะ แต่เฉลยว่าไม่ใช่ คนถามตั้งใจเฉลยคำตอบที่ล็อคสเปคไว้ด้วยการย้ำน้ำหนักเสียงกันคำต่อคำเลยว่า “หมา - ไม่ - แดก!” (ฮา)

 

ติ๊งต่าง คุณแม่คุยวัดฟอร์มกันเองว่า “ถ้ามีตังค์อยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท เขาจะทอนเท่าไหร่” คุณพ่อจกก่อนว่า “ทอน 7 บาท” ลูกสาว หกขวบ เชิดหน้าโอเอซิสจิกพ่อเบาๆ ว่า “พ่อไม่รู้อะไร เราให้เหรียญ 5 เขาไป เขาก็ทอนมา 2 บาท สิพ่อ” คุณแม่ยิ้มแบบไลฟ์สดแล้วพูดว่า “ช่วงนี้น่าจะมีโควิดติดเงินทอนมาด้วย โจทย์นี้ไม่มีการทอน แม่มี เหรียญบาท 10 เหรียญ สต๊อคไว้แล้วจ้ะ!” (ฮิ้ว) งานนี้ลูกสาวหน้าชาโดนแม่ผู้เป็นภรรยาของพ่อให้ใบเหลืองด้วยการหักเหลี่ยมโทษฐานที่พูดแซวด้อยค่างับหน้าสามีของแม่

 

มูลนิธิเด็ก เล่าให้ผมฟังว่า ศรัทธาของลูกที่มีต่อพ่อแม่ เพราะฉีด วัคซีนอีโก้ เกินโดส

06 ปี         พ่อแม่รู้ทุกอย่าง


10 ปี         พ่อแม่รู้เกือบทุกอย่าง


15 ปี         รู้ดีพอๆ กับพ่อแม่


20 ปี         พ่อแม่ไม่รู้อะไรเลย


30 ปี         พ่อแม่ไม่น่าสนใจ


40 ปี         พ่อแม่ตัดสินใจใช้ได้


60 ปี         รู้งี้ถามพ่อแม่ดีกว่า

 

คนจนกลายเป็นเศรษฐีได้ด้วยการค้นกองขยะ หาเศษเอาไปต่อให้เป็นส่วนฉันใด เราก็สามารถศึกษาหาปัญญาจาก กระโถนพันธ์ทิพย์ ที่คนเอา มุกวิเศษ ไปคายทิ้งเอาไว้เกลื่อนกล่นได้ฉันนั้น 

 

เธอคนหนึ่ง ดวงหล่น เกิดอารมณ์พิศวาส Fossil นาฬิกาสไตล์โมเดิร์นคลาสสิคสัญชาติอเมริกันที่วางโชว์อยู่หน้าร้าน เธอคนนั้น กะซื้อเอาไว้ใส่เล่นในช่วงวันหยุดจึงถามราคาว่ากี่ตังค์ คนขาย ปรายตามองดู Fossil สายหนัง ที่เธอคนนั้นสวมใส่อยู่ แล้วก็ตอบว่า “1,973 บาท” ตอบอย่างเดียวไม่พอ บริจาคแผลใจ แถมอีกดอกตอกตามหลังว่า


 “ดีกว่าซื้อ Fossil ปลอมมาใส่”


 ถ้า ลูกค้า พูดสวนเอาคืนไปบ้างสักดอกว่า


“1,973 บาท จิ๊บๆ มันก็ไอ้แค่ เศษเงิน!”


การพูด ด้อยค่า เช่นนี้ ม่านจะรูดที่ ศาลสูง หรือ ศาลเตี้ย ยากที่จะเดา

 

ขอทานคนดังนั่งขอตังค์อยู่ตรงสี่แยกวัดดวง ดวงใครดีก็จะไม่เจอไฟแดง ชะตาใครวูบแรงก็จะได้เจอ ลุงวิชัย นสพ. เอามาตีพิมพ์ยิ้มไม่ออกกันทั้งเมือง 

 

ข่าวเก่าเอามาเขย่าใหม่ ผมไม่อยากให้ขัดเคืองจึงขอไม่เอ่ยชื่อจังหวัด ภาพเด่นชัดมันฟ้องอยู่ในตัวว่า ถ้าใครให้ เหรียญ 5 เหรียญ 10 เขาจะยกมือไหว้ขอบคุณ 

 

ไฮไลท์ของข่าวมันอยู่ตรงนี้ ถ้าใครให้ เหรียญบาท เขาจะไม่ยกมือไหว้ขอบคุณ และ ทิ้งเหรียญบาทวางไว้กับพื้น ทำทีเหมือนจะคืนผู้ที่ให้ ถ้าผมเป็นคนในพื้นที่จะแนะนำใครต่อใครว่า 

 

ต่อไปนี้จงให้ ลุงวิชัย ด้วยเหรียญบาทเท่านั้น คิดจะให้สักยี่สิบก็เอาเหรียญบาทใส่ถุงยี่สิบเหรียญ อย่าให้เป็น เหรียญ 5 เหรียญ 10 หรือ แบงค์ยี่สิบ ลุงจะเอาก็เอา ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอา ข้อสำคัญ อย่าพูดด้อยค่า ของที่เขามี เงินที่เขาให้

                               ด่าข้อยเอ็งจะด้อยค่า

ถ้ามีใครถามว่า “แกล้งลุงทำไม?” ผมจะบอกว่า ผมจะขอประทานพระอนุญาตเอาแนวพระราชดำริจาก โครงการแกล้งดิน มาทำ กิจกรรมแกล้งคนนิสัยเสีย เพื่อปรับนิสัยส่วนที่เสียให้คืนสภาพเป็นคนมีนิสัยดี 

 

ผมจะกราบเท้าลุงเพื่อขออนุญาตแลกความคิดกันตรงไปตรงมาว่า “ถ้าลุงเอาขนมปังให้หมามันกิน นอกจากมันจะไม่กิน มันยังกางขาฉี่ใส่ขนมปัง ลุงจะพอใจไหม? ลุงก็น่าจะรู้ว่าเหรียญบาทเป็นของสูง มีครบทั้งรูปในหลวงกับพญาครุฑ ลุงอย่าเอาของสูงไปวางไว้ในที่ต่ำ” ถ้าลุงออกอาการไม่สนใจ ผมจะฝังคติฝากไว้ในใจลุงอีกนิดว่า 

 

“ลุงขอเงินเขาใช้ ควรจำและเกรงใจเอาไว้บ้างว่า ของฟรีอย่าเรื่องมาก?”
ถ้าเราด้อยค่าให้เขาต้อยต่ำ เราจะไม่มีคนคุ้นเคยที่สูงกว่ามาดึงเราขึ้นไป