svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

เอเปค 2022 : "สี จิ้นผิง-คิชิดะ" ถกทวิภาคีครั้งแรก 17 พ.ย. นี้ที่กรุงเทพฯ

14 พฤศจิกายน 2565

เป็นเวทีรวมผู้นำโลกอย่างแท้จริง "สัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022" ทั้งเข้มข้นและคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดญี่ปุ่นยืนยัน นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีจะได้ประชุมทวิภาคีกับปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีน แบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ 17 พ.ย.นี้

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และ นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นัดถกประเด็นทวิภาคีในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่กรุงเทพฯ โดยจะเป็นการประชุมนอกรอบ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 และในบรรยากาศครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น

 

นายฮิโรคาสึ มัตซูโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยวานนี้ (14 พ.ย.) ว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะจัดการประชุมทวิภาคีในวันที่ 17 พ.ย. นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงเทพฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ


"ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนจำเป็นต้องดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์และมีเสถียรภาพ เราจัดการประชุมดังกล่าวเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ" นายมัตซูโนะกล่าวและว่า 

  
การประชุมซึ่งเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกระหว่างทั้งสองผู้นำ มีขึ้นขณะจีนและญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงวาระครบรอบ 50 ปีของการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน

 

ผู้นำจีนและญี่ปุ่น  จะพบหน้ากันและถกประเด็นทวิภาคีเป็นครั้งแรก 17 พ.ย.นี้ ที่กรุงเทพฯ

 

 

ทั้งนี้ จีนและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับ

  • การอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก
  • การทดลองยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
  • การที่กองทัพจีนยิงขีปนาวุธตกในน่านน้ำของญี่ปุ่นในการซ้อมรบเพื่อตอบโต้ต่อการที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ 

 

ขณะเดียวกัน ทั้งสองประเทศยังคงมีความบาดหมางในอดีตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการแข่งขันกันเป็นผู้นำในภูมิภาค

 

สื่อต่างประเทศระบุว่า ปธน.สี จิ้นผิง เคยพบปะกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นครั้งล่าสุดในเดือน ธ.ค. 2562 เมื่อครั้งที่นายชินโซ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่นในขณะนั้น เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง

 

การพบกันที่กรุงเทพฯในวันที่ 17 พ.ย.นี้ จะเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของปธน.สี จิ้นผิง และนายฟูมิโอะ คิชิดะ หลังจากที่ฝ่ายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บุคคลทั้งสองเคยคุยกันทางโทรศัพท์ในเดือน ต.ค.2564 หลังจากที่นายคิชิดะชนะการเลือกตั้งมาหมาดๆ แสดงถึงความตั้งใจของญี่ปุ่นและจีนที่พยายามจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

 

โดยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จีนและญี่ปุ่นเพิ่งฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปีระหว่างกัน แม้จะมีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับดินแดนหมู่เกาะ “เซ็นกากุ”ที่ต่างฝ่ายอ้างสิทธิ์ (โดยจีนเรียกเกาะดังกล่าวว่า “หมู่เกาะเตี้ยวหยู”) และประเด็นอื่นๆ อยู่ก็ตาม 

 

ทั้งนี้ จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกกับญี่ปุ่นที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของกันและกัน ก่อนโควิด-19 ระบาด ปธน.สี จิ้นผิง เคยมีแผนเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ

 

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ร้าวฉานอย่างรวดเร็วเมื่อรัฐบาลปักกิ่งเสริมขีดความสามารถทางทหาร และการยิงขีปนาวุธระหว่างซ้อมรบใหญ่ของจีนรอบไต้หวันเมื่อเดือน ส.ค.ที่ไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น กรณีดังกล่าวทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นประท้วงไปยังจีนเกี่ยวกับการละเมิดน่านฟ้าและน่านน้ำ

 

นอกจากนี้ จีนและญี่ปุ่นยังต้องเลือกอยู่ฝ่ายที่ตรงข้ามกันเกี่ยวกับประเด็นสงครามในยูเครน โดยญี่ปุ่นสนับสนุนพันธมิตรตะวันตกต่อต้านการรุกรานของรัสเซียอย่างชัดเจน ขณะที่จีน แม้ไม่สนับสนุนรัสเซียโดยตรง แต่ก็หลีกเลี่ยงวิจารณ์และไม่ร่วมประณามรัสเซียที่เปิดฉากรุกรานยูเครน

 

การพบปะหารือทวิภาคีระหว่างทั้งสองผู้นำในครั้งนี้ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ จึงเป็นความหวังว่าผู้นำจีนและญี่ปุ่นจะนำมาซึ่งข่าวดี และบรรยากาศที่คลี่คลาย รวมทั้งสันติภาพในภูมิภาค