“จุรินทร์” ย้ำประชุมเอเปคไม่เกี่ยวการเมือง เน้นทำประโยชน์ให้ประเทศ

08 พ.ย. 2565 | 08:51 น.

“จุรินทร์” ชัดเจน รัฐบาลจัดเอเปคไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำ!เน้นทำประโยชน์ให้ประเทศและเศรษฐกิจไทย ผลสำเร็จเยือนซาอุฯทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมเอเปคเอกชนที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ที่เอกชนอยากให้มองก้าวข้ามเรื่องการเมืองมองการค้าเป็นหลัก  โดยขอย้ำว่าไม่มีใครเอาเรื่องการเมืองไปเกี่ยว ตนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปคมาแล้วในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นปีแล้วและตนเป็นประธานที่ประชุมได้ข้อสรุปในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจการค้าของกลุ่มเศรษฐกิจมาก

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตจะปรับรูปแบบจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปเป็น FTA เอเปค หรือ FTAAP ซึ่งจะช่วยให้ความผูกพันทางการค้า มีกฎกติกาชัดเจนเป็นเขตการค้าเสรี ซึ่งจะทำให้ FTAAP หรือเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่ RCEP  และจะดำเนินการขับเคลื่อนให้องค์การการค้าโลกปรับกฎเกณฑ์กติกาให้เป็นธรรมกับประเทศทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาก็ตาม รวมทั้งที่เราตั้งเป้าว่าจะขับเคลื่อน BCG โมเดล

จะมีส่วนผลักดันในที่ประชุมเอเปคต่อไปด้วย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ระหว่างประเทศ ระหว่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าและในที่ประชุมที่ตนเป็น ประธานประสบผลสำเร็จและได้แถลงผลการประชุมแล้ว ซึ่งกำลังให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศดำเนินการว่าระหว่างการประชุมเอเปคซัมมิทครั้งนี้ ตนจะต้องหารือกับระดับทวิภาคีกับประเทศใดบ้าง ซึ่งให้แนวทางไปแล้วรอผลว่าจะว่างตรงกันหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าการเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียนั้นเรื่องการค้ากับประเทศ ซาอุดีอาระเบียได้ดำเนินการต่อเนื่องประสบความสำเร็จมาก ในการที่นำคณะเอกชนเยือนซาอุฯได้ตัวเลขการค้า 10,000 กว่าล้านบาท ทำให้มีโอกาสเกิด FTAไทยกับ

กลุ่ม  GCC หรือ Gulf Cooperation Council เป็นกลุ่มความร่วมมือของ ประเทศรัฐริมอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กาตาร์ และบาห์เรนได้ในอนาคต ซึ่งซาอุดิอาระเบียรับหลักการในเรื่องนี้จะช่วยประสานให้ นอกจากนั้นเรื่องตัวเลขที่จะซื้อขายระหว่างกันเบื้องต้น 10,000 กว่าล้านบาทที่ได้ข้อสรุป ที่สำคัญเราสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มอีก 100,000 ตันและล่าสุดซาอุดีฯอนุญาตให้เราส่งออกไก่ไปซาอุฯได้ ก่อนหน้านี้ส่งได้เฉพาะไก่ทั้งตัว จากนี้สามารถส่งไก่ที่เป็นชิ้นส่วนได้ รวมทั้งไก่ต้มสุกที่พยายามมานานซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จะทำตัวเลขการส่งออกไทยไปซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น และจะหาโอกาสพูดคุยต่อไปในอนาคตในช่วงเอเปคซัมมิท