รอทุนนอกลุย "หุ้นไทย" !! เลือกตั้งชัด - กองทุนหนุนดัชนี ลุ้น 1700

10 พ.ย. 2561 | 23:07 น.
โบรกฯ มองเลือกตั้งชัด - เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับ ผนวกแรงซื้อจากกองทุน LTF หนุน SET ช่วง 2 เดือนที่เหลือ มีลุ้นแตะ 1700-1800 จุด ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังไม่ชี้ชัดทิศทางสงครามการค้า จับตาการเจรจา 2 ผู้นำสหรัฐฯ-จีน ประชุม G20 นอกรอบปลายเดือนนี้

ปัจจัยภายนอกยังคงเป็นประเด็นหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย หนึ่งในนั้นก็คือ การดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ หลังผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตกลับมาครองเสียงส่วนมากในสภาล่าง ด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 223 เสียง (เกินครึ่งที่ 218 เสียง) ขณะพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ได้ที่นั่ง 51 การถ่วงดุลจากฐานเสียงของ 2 พรรค ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่า การเมืองสหรัฐฯ ในระยะถัดไปจะมีความเข้มข้นขึ้น และอาจส่งผลต่อตลาดหุ้น

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัสฯ หรือ ASP กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มาจากพรรคเดียว ทำให้การเดินหน้านโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่สามารถทำได้รวดเร็วและเด็ดขาดเหมือนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการถ่วงดุล การตรวจสอบมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้นโยบายลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำได้ยากกว่าเดิม

ส่วนนโยบายเรื่องสงครามการค้าอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะสหรัฐฯ เองก็ต้องการลดขาดดุลการค้ากับจีนอยู่แล้ว ซึ่งหากจุดนี้ไม่เปลี่ยน ส่วนที่ไทยได้หรือเสียเปรียบเรื่องการค้า ส่งออกก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก นอกจากนี้ การที่สภาสหรัฐฯ มีฐานเสียงจาก 2 พรรค ที่ถ่วงดุลกันมากขึ้น อาจทำให้การเมืองสหรัฐฯ ในระยะถัดไปมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นได้


MP18-3417-A

"จากต้นปีถึงขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 2.71 แสนล้านบาท เพิ่งกลับมาซื้อสุทธิ 4 วัน 1.79 พันล้านบาท อีกทั้งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังสูงกว่าประเทศไทย จึงยังไม่มีเหตุจูงใจให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าไทย"

นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การที่เดโมแครตได้ฐานเสียงสภาล่าง นโยบาย American First การลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไปก็อาจถูกพรรคเดโมแครตขัดขวาง และพรรคเดโมแครตก็มีนโยบายกดดันกลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น ความน่าสนใจตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะน้อยลง แต่ในช่วงแรกหุ้นสหรัฐฯ จะดีดตัวขึ้น เพราะตลาดหุ้นเดือน ต.ค. ปรับลงไปมาก ทั้งตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และไทยถูกต่างชาติเทขายหนัก

"เดือน ต.ค. ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 1,963 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดัชนีลดลง 5% หุ้นไทยเวลานี้จึงถือว่าถูกมาก ขณะที่ กำไรตลาดยังดี กำไรต่อหุ้น (EPS) ครึ่งปีแรก โต 7-8% และไตรมาส 3 น่าจะโต 10% ปลาย ๆ และเฉลี่ยทั้งปีน่าจะโตได้ถึง 8-10% จึงน่าจะมีเงินไหลเข้าในช่วงที่เหลือของปีนี้"

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง เพราะพรรคเดโมแครตเองไม่ได้อ่อนข้อการค้าให้กับจีน และการดำเนินนโยบายการค้าเป็นอำนาจพิเศษที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถออกคำสั่งได้โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส ตลาดกำลังจับตาดูว่า การประชุม G20 นอกรอบระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ที่อาร์เจนตินา ในวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค. 2561 จะตกลงกันได้หรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะยืดเยื้อต่อและเป็นประเด็นที่จะกดดันตลาดหุ้นต่อไป

บล.ไทยพาณิชย์ คาดเป้าหมาย  SET Index เดือน พ.ย. จะอยู่ในระดับ 1750 จุด ก่อนขึ้นไปแตะระดับ 1800 จุด ในเดือน ธ.ค. จากแรงซื้อกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF และเงินไหลเข้า ส่วนไทม์ไลน์การเลือกตั้งที่กำหนดเป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นข่าวเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งเชื่อว่า ทุกพรรคจะให้ความสำคัญกับนโยบายอัดฉีดเงินสู่รากหญ้ามากขึ้น เพราะเศรษฐกิจประเทศจะเติบโตได้ต้องมาจากรากหญ้า

บล.กสิกรไทย ระบุ แม้เรื่องเลือกตั้งจะเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้มาระยะหนึ่ง แต่การประกาศไทม์ไลน์การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาด โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นมากขึ้น มอง SET Index จะฟื้นตัวโดยเป้าหมายดัชนีเดือน พ.ย. 1710 จุด และสิ้นปี 2561 ที่ 1805 จุด กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ นิคมอุตสาหกรรม และรับเหมาก่อสร้าง


หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,417 วันที่ 11-14 พฤศจิกายน 2561

e-book-1-503x62