ชงบิ๊กแพ็กเกจท่องเที่ยว!!
เปิดบิ๊กแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี! 'บิ๊กโจ๊ก' ชง ครม. ฟรีวีซ่า 21 ชาติ ... ททท. อัดฉีด 120 ล้านบาท ดึงจีน-อาเซียน 5 แสนคน เที่ยวไทย ผนึกศูนย์การค้า จิวเวลรี เปิดแคมเปญ "พาสปอร์ต พริวิเลจ" บินไทย ผุดโครงการ One Plus One ชู 9 แพ็กเกจเที่ยวเมืองรอง
การทำบิ๊กแพ็กเกจเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อลดผลกระทบการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากจุดโฟกัสหลัก คือ แผนกระตุ้นตลาดระยะเร่งด่วนของ ททท. และการร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในลักษณะ "จอยต์ มาร์เก็ตติ้ง" แล้ว ยังมีเรื่องมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการตรวจลงตรา ณ ช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ VISA ON ARRIVAL (VOA) นั้น
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ทาง สตม. จะนำเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติการขอยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA จำนวน 2 พันบาท ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 21 ประเทศ ที่เดินทางมาทำวีซ่าดังกล่าวใน 7 สนามบินนานาชาติของไทย ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, หาดใหญ่, อู่ตะเภา, กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 2561 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้
21 ประเทศ-เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย จีน, อันดอร์รา, บัลแกเรีย, ภูฏาน, ไซปรัส, เอธิโอเปีย, ฟิจิ, อินเดีย, คาซัคสถาน, ลัตเวีย, ลิตโทเนีย, มัลดีฟส์, มอลตา, เมอริเชียล, ปาปัวนิวกินี, โรมาเนีย, ซานมาริโน, ซาอุดีอาระเบีย, ยูเครน, อุซเบกิสถาน และเขตเศรษฐกิจไต้หวัน
เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวต่อมาตรการดังกล่าว ทาง ตม. ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาคิวยาวในสนามบิน
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า การกระตุ้นตลาดของ ททท. จะเพิ่มน้ำหนักการทำงานขึ้นกว่าแผนปกติที่วางไว้ภายใต้กลยุทธ์ 3 กระ ได้แก่ 1.กระตุ้น ที่จะเน้นทำจอยต์ มาร์เก็ตติ้ง ร่วมกับเอเยนต์และภาคธุรกิจ 2.กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง และ 3.กระพือ สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นเรื่องของความร่วมมือของภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
โดย ททท. จะอัดฉีดงบเพิ่มอีก 120 ล้านบาท ให้สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉิงตู คุนหมิง รวมถึงสำนักงานต่าง ๆ ในอาเซียน เฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อสำนักงาน เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนราว 4 แสนคน และนักท่องเที่ยวจากอาเซียนราว 1 แสนคน รวมแล้วกว่า 5 แสนคน ให้มาเที่ยวไทยในช่วงเดือน พ.ย. นี้ ถึงเดือน ม.ค. ปีหน้า รวมถึงร่วมมือกับการบินไทยในการผลักดันให้เกิดการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรอง
"สำนักงานเป้าหมายเหล่านี้จะต้องทำงานผ่านเอเยนต์ในจีน ในการสนับสนุนงบส่วนหนึ่งให้เอเยนต์ไปทำตลาด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งถ้ามีดีมานด์การจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้าไทย ก็จะทยอยกลับมา และการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียระดับท็อปในจีน"
ไม่เพียงทำตลาดแต่ต้นทางเท่านั้น แต่ ททท. ยังได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการในไทย จัดกิจกรรมต่าง ๆ และมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ภายใต้โครงการอเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซลล์ "พาสปอร์ต พริวิเลจ" ที่ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจะร่วมกันจัดทำแพ็กเกจ เพื่อให้ส่วนลดและพริวิเลจแก่นักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวแสดงพาสปอร์ต
ไม่ว่าจะเป็น การให้ส่วนลดในลักษณะออนท็อปเพิ่มขึ้นไปอีกจากโปรโมชันของศูนย์การค้าต่าง ๆ ซึ่ง ททท. ได้ข้อให้ผู้ประกอบการศูนย์การค้า รวมถึงสมาคมค้าปลีกให้ส่วนลดและพริวิเลจ ที่เป็นยาแรงในการกระตุ้นท่องเที่ยว รวมไปถึงการซื้อจิวเวลรี โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ รวมถึง ททท. ยังมองไปถึงแพ็กเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพ สปา และทางผู้ประกอบการโรงแรมก็สนใจเข้ามาเสนอพริวิเลจแก่นักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน คาดว่าจะสรุปสิทธิประโยชน์เรื่องของพาสปอร์ต พริวิเลจ ได้ในเร็ว ๆ นี้ และ ททท. จะนำสิทธิประโยชน์นี้ไปโปรโมตในตลาดเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงวันที่ 15 พ.ย. น้ี ถึง 15 ม.ค. ปีหน้า
"อย่างไรก็ตาม ปีนี้ ททท. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยราว 10.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2560 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 9.8 ล้านคน ที่เป็นเช่นนี้เพราะในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีการเติบโตของตลาดจีนสะสมมาก่อน แต่จากเหตุเรือล่มเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ทำให้มีการติดลบของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาส 3 อยู่ที่ 9% และคาดว่าจะติดลบในช่วงไตรมาส 4 ราว 15% ทำให้กระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมาก โดยประเมินว่า ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปราว 1-1.5 ล้านคน หากเทียบช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่ผู้ประกอบการมองว่า ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยได้ถึง 12 ล้านคน ซึ่งก็ถือว่า เราขาดทุนกำไร" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
ด้าน แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า แผนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของการบินไทยที่จะทำงานร่วมกับ ททท. จะเน้นเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้โครงการ One Plus One โดยได้จัดทำ 9 แพ็กเกจเดินทางรถในแบบวันเดย์ทริป ในราคาหลักพันบาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้โดยสารต่างชาติของการบินไทย ที่เมื่อเดินทางจากต่างประเทศมาลงเชียงใหม่ แล้วสามารถซื้อแพ็กเกจต่อไปเที่ยวยังลำพูด ลำปาง หรือมาลงภูเก็ต ก็จะมีแพ็กเกจต่อไปยังพังงา เป็นต้น ทั้งจะร่วมมือกับ ททท. ในการจัดแฟมทริป ดึงบล็อกเกอร์ และสื่อจากจีน เดินทางมายังเมืองรองตามแพ็กเกจดังกล่าวด้วย
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,415 วันที่ 4 - 7 พ.ย. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ชงครม.ดึงนักท่องเที่ยว-นักลงทุนเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า21ชาติ
● นักท่องเที่ยวประทับใจ ภูชี้ฟ้าหนาว9องศา ทะเลหมอกมาเต็ม
การทำบิ๊กแพ็กเกจเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อลดผลกระทบการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากจุดโฟกัสหลัก คือ แผนกระตุ้นตลาดระยะเร่งด่วนของ ททท. และการร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในลักษณะ "จอยต์ มาร์เก็ตติ้ง" แล้ว ยังมีเรื่องมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการตรวจลงตรา ณ ช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ VISA ON ARRIVAL (VOA) นั้น
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ทาง สตม. จะนำเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติการขอยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA จำนวน 2 พันบาท ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 21 ประเทศ ที่เดินทางมาทำวีซ่าดังกล่าวใน 7 สนามบินนานาชาติของไทย ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, หาดใหญ่, อู่ตะเภา, กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 2561 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้
21 ประเทศ-เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย จีน, อันดอร์รา, บัลแกเรีย, ภูฏาน, ไซปรัส, เอธิโอเปีย, ฟิจิ, อินเดีย, คาซัคสถาน, ลัตเวีย, ลิตโทเนีย, มัลดีฟส์, มอลตา, เมอริเชียล, ปาปัวนิวกินี, โรมาเนีย, ซานมาริโน, ซาอุดีอาระเบีย, ยูเครน, อุซเบกิสถาน และเขตเศรษฐกิจไต้หวัน
เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวต่อมาตรการดังกล่าว ทาง ตม. ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาคิวยาวในสนามบิน
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า การกระตุ้นตลาดของ ททท. จะเพิ่มน้ำหนักการทำงานขึ้นกว่าแผนปกติที่วางไว้ภายใต้กลยุทธ์ 3 กระ ได้แก่ 1.กระตุ้น ที่จะเน้นทำจอยต์ มาร์เก็ตติ้ง ร่วมกับเอเยนต์และภาคธุรกิจ 2.กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง และ 3.กระพือ สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นเรื่องของความร่วมมือของภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
โดย ททท. จะอัดฉีดงบเพิ่มอีก 120 ล้านบาท ให้สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉิงตู คุนหมิง รวมถึงสำนักงานต่าง ๆ ในอาเซียน เฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อสำนักงาน เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนราว 4 แสนคน และนักท่องเที่ยวจากอาเซียนราว 1 แสนคน รวมแล้วกว่า 5 แสนคน ให้มาเที่ยวไทยในช่วงเดือน พ.ย. นี้ ถึงเดือน ม.ค. ปีหน้า รวมถึงร่วมมือกับการบินไทยในการผลักดันให้เกิดการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรอง
"สำนักงานเป้าหมายเหล่านี้จะต้องทำงานผ่านเอเยนต์ในจีน ในการสนับสนุนงบส่วนหนึ่งให้เอเยนต์ไปทำตลาด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งถ้ามีดีมานด์การจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้าไทย ก็จะทยอยกลับมา และการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียระดับท็อปในจีน"
ไม่เพียงทำตลาดแต่ต้นทางเท่านั้น แต่ ททท. ยังได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการในไทย จัดกิจกรรมต่าง ๆ และมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ภายใต้โครงการอเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซลล์ "พาสปอร์ต พริวิเลจ" ที่ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจะร่วมกันจัดทำแพ็กเกจ เพื่อให้ส่วนลดและพริวิเลจแก่นักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวแสดงพาสปอร์ต
ไม่ว่าจะเป็น การให้ส่วนลดในลักษณะออนท็อปเพิ่มขึ้นไปอีกจากโปรโมชันของศูนย์การค้าต่าง ๆ ซึ่ง ททท. ได้ข้อให้ผู้ประกอบการศูนย์การค้า รวมถึงสมาคมค้าปลีกให้ส่วนลดและพริวิเลจ ที่เป็นยาแรงในการกระตุ้นท่องเที่ยว รวมไปถึงการซื้อจิวเวลรี โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ รวมถึง ททท. ยังมองไปถึงแพ็กเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพ สปา และทางผู้ประกอบการโรงแรมก็สนใจเข้ามาเสนอพริวิเลจแก่นักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน คาดว่าจะสรุปสิทธิประโยชน์เรื่องของพาสปอร์ต พริวิเลจ ได้ในเร็ว ๆ นี้ และ ททท. จะนำสิทธิประโยชน์นี้ไปโปรโมตในตลาดเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงวันที่ 15 พ.ย. น้ี ถึง 15 ม.ค. ปีหน้า
"อย่างไรก็ตาม ปีนี้ ททท. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยราว 10.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2560 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 9.8 ล้านคน ที่เป็นเช่นนี้เพราะในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีการเติบโตของตลาดจีนสะสมมาก่อน แต่จากเหตุเรือล่มเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ทำให้มีการติดลบของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาส 3 อยู่ที่ 9% และคาดว่าจะติดลบในช่วงไตรมาส 4 ราว 15% ทำให้กระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมาก โดยประเมินว่า ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปราว 1-1.5 ล้านคน หากเทียบช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่ผู้ประกอบการมองว่า ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยได้ถึง 12 ล้านคน ซึ่งก็ถือว่า เราขาดทุนกำไร" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
ด้าน แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า แผนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของการบินไทยที่จะทำงานร่วมกับ ททท. จะเน้นเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้โครงการ One Plus One โดยได้จัดทำ 9 แพ็กเกจเดินทางรถในแบบวันเดย์ทริป ในราคาหลักพันบาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้โดยสารต่างชาติของการบินไทย ที่เมื่อเดินทางจากต่างประเทศมาลงเชียงใหม่ แล้วสามารถซื้อแพ็กเกจต่อไปเที่ยวยังลำพูด ลำปาง หรือมาลงภูเก็ต ก็จะมีแพ็กเกจต่อไปยังพังงา เป็นต้น ทั้งจะร่วมมือกับ ททท. ในการจัดแฟมทริป ดึงบล็อกเกอร์ และสื่อจากจีน เดินทางมายังเมืองรองตามแพ็กเกจดังกล่าวด้วย
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,415 วันที่ 4 - 7 พ.ย. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ชงครม.ดึงนักท่องเที่ยว-นักลงทุนเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า21ชาติ
● นักท่องเที่ยวประทับใจ ภูชี้ฟ้าหนาว9องศา ทะเลหมอกมาเต็ม
