เอ็มเอ็มเอส ตั้งเป้าผุดสาขาเพิ่ม 8 แห่ง

เอ็มเอ็มเอส ชี้ธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุง ฟาสต์ฟิตโต พร้อมเดินหน้าขยายสาขา 8 แห่งและเร่งรีโนเวตสาขาเดิมรองรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มั่นใจผลประกอบการปี 61 เติบโต 20%

การแข่งขันในธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงและฟาสต์ฟิตในปี 2561 ยังคงดุเดือด โดยผู้เล่นรายใหญ่ต่างงัดกลยุทธ์ออกมาสู้ เนื่องจากประเมินว่าจำนวนรถยนต์ที่หมดระยะประกันศูนย์จะเข้ามาใช้บริการมากกว่า 7 ล้านคันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล นอกจากนั้นแล้วปัจจัยด้านรูปลักษณ์ของศูนย์ที่ทันสมัยกว่าอู่ทั่วไป, การให้บริการที่รวดเร็ว, ราคามาตรฐาน, มีสินค้าให้เลือกหลากหลายทั้งแบบแท้ และทดแทน, มีการทำโปรโมชัน ทำให้ภาพรวมของธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับ 25-30%

“ธุรกิจนี้มีการเติบโตขึ้นทุกปี เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ โดยมีผู้เล่นหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นบี-ควิก, ฟิต ออโต, เอซีที, ออโตแบค, ออโตบอย ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้จะเน้นให้บริการแบบซ่อมเบา อาทิ เปลี่ยนยางรถยนต์,นํ้ามันเครื่อง แต่สำหรับเอ็มเอ็มเอสบ๊อชคาร์ เซอร์วิส มีความแตกต่างคือบริการซ่อมหนัก ,งานซ่อมวิเคราะห์,ระบบช่วงล่าง ส่วนบริการซ่อมทั่วไปหรือฟาสต์ เซอร์วิส อาทิ การเปลี่ยนถ่ายนํ้ามันเครื่อง, เปลี่ยนยาง, เปลี่ยนแบตเราก็พร้อมให้บริการ ” นายสุดเขต จันทร์เฉลี่ย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์ เซอร์วิส (MMS) ผู้ให้บริการศูนย์รถยนต์ครบวงจร ในเครือ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)จำกัด (เอ็มจีซี-เอเชีย) กล่าวและว่า

สำหรับเอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์ เซอร์วิส มีฐานลูกค้าประมาณ 8 หมื่นราย และสัดส่วนรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการ แบ่งเป็นรถญี่ปุ่น ,เกาหลี อื่นๆ 70% และรถยุโรป 30% ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ลูกค้านำรถเข้ามาใช้บริการนั้น 4,500 -5,000 บาทต่อคัน ขณะที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 550 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโต 15- 20%
นายสุดเขต กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานและกลยุทธ์ในปี 2561 ที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้นั้น ประกอบไปด้วยการเพิ่มจำนวนสาขา 6-8 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน, ย่านฝั่งธน ซึ่งแต่ละสาขาจะลงทุนประมาณ 15-20 ล้านบาทสำหรับสาขาที่ตั้งอยู่ตามสถานีบริการนํ้ามัน และ 20 -25 ล้านบาท สำหรับสาขาที่เปิดแบบสแตนด์ อะโลน

ปัจจุบัน เอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์ เซอร์วิส มี 15 แห่ง และสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดบริการคือ รังสิต -เมืองเอก ที่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท มีจำนวน 5 ช่องซ่อม พร้อม 1 ช่องตั้งศูนย์อัจฉริยะช่วงล่าง รองรับการให้บริการสูงสุด 40 คันต่อวัน และมีพื้นที่จอดรถได้กว่า 50 คัน

“สาขาใหม่ที่รังสิต- เมืองเอก ตั้งอยู่ในปั๊มเอสโซ่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะรองรับลูกค้าในบริเวณรังสิต และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ หมู่บ้านเมืองเอก, หมู่บ้านสีวลี, มหาวิทยาลัยรังสิต, ตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งพื้นที่นี้มีโอกาสทางการตลาดที่ดี เพราะมีจำนวนประชากรกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก และแต่ละครอบครัวมีการใช้รถมากกว่า 2 คัน ประกอบกับบริเวณโดยรอบยังไม่มีศูนย์ซ่อมมาตรฐานที่เป็นโมเดิร์นเทรดรายอื่นๆ มากนัก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายศูนย์ของเราในพื้นที่นี้”

นายสุดเขต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังได้รีโนเวตสาขาเดิมที่เปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว ซึ่งแต่ละแห่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 5 แสน -1 ล้านบาท และจะมีการเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์ล่าสุดคือผ้าเบรกเบนดิกซ์ และในเดือนมีนาคม 2561 จะนำเข้าสินค้าใหม่มาจากเยอรมนี ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561