KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดดีดตัวในวันศุกร์ แต่ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามตัวยังติดลบในรอบสัปดาห์นี้ โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ลดลงราว 2% ขณะที่ Nasdaq ลดลง 2.7%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเฮลท์แคร์นำตลาด โดยพุ่งขึ้น 2.15% และ 2.11% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.01%
จอห์น วิลเลียมส์กล่าวในการปราศรัยที่ซันติอาโก ประเทศชิลีว่า เขามองว่านโยบายการเงินยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว แม้ว่าน้อยลงกว่าเดิมหลังการดำเนินนโยบายล่าสุด ดังนั้นจึงยังมีช่องว่างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของเฟดในระยะใกล้ เพื่อให้ทิศทางนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น และยังคงรักษาสมดุลในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองประการของเฟด
ถ้อยแถลงจากสมาชิกเฟดที่มีน้ำหนักอย่างวิลเลียมส์ ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยเฟดให้น้ำหนักมากกว่า 70% สำหรับโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% โดยเพิ่มขึ้นจากความเป็นไปได้ไม่ถึง 40% เมื่อวันก่อน ตามข้อมูลของ CME FedWatch Tool
หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งอาจกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค เป็นผู้นำในการฟื้นตัวของตลาด รวมถึงหุ้น Home Depot, Starbucks และ McDonald’s
โดยนักลงทุนคาดหวังว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นจะช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ซบเซา และรองรับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์