ทั่วโลกตกลงห้ามใช้ “วัสดุอุดฟันปรอท” สิ้นสุดปี 2577 ลดพิษโลหะหนัก

08 พ.ย. 2568 | 07:55 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2568 | 07:56 น.

ที่ประชุมอนุสัญญามินามาตะมีมติห้ามใช้ นำเข้า ส่งออกวัสดุอุดฟันแบบปรอททั่วโลกภายใน 2577 หลังญี่ปุ่น EU เริ่มเลิกใช้แล้ว ลดความเสี่ยงสุขภาพมนุษย์

ที่ประชุมอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยสารปรอท (Minamata Convention on Mercury) ซึ่งจัดขึ้นที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ มีมติร่วมกันให้ ห้ามใช้ นำเข้า และส่งออกวัสดุอุดฟันที่มีสารปรอททั่วโลกภายในปี 2577

ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการลดการปนเปื้อนสารพิษต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

ออสวัลโด อัลวาเรซ ประธานการประชุมจากประเทศชิลี กล่าวระหว่างประกาศมติว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็น “ก้าวสำคัญของอนุสัญญามินามาตะ” ในการยุติการใช้สารปรอทในทางทันตกรรม หลังการเจรจาที่ยาวนานหลายวัน

แม้ สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศในแอฟริกา จะเสนอให้ยุติการใช้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2573 แต่ อังกฤษ อินเดีย และอิหร่าน คัดค้านเนื่องจากต้นทุนและความทนทานของวัสดุทดแทนยังมีข้อจำกัด จึงได้ข้อสรุปขยายเวลาถึงปี 2577

ญี่ปุ่น ซึ่งเคยประสบภัยสารปรอทร้ายแรงจาก “โรคมินามาตะ” เมื่อช่วงทศวรรษ 2490 ได้ลดการใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และปัจจุบัน ระบบประกันสุขภาพของประเทศครอบคลุมวัสดุอุดฟันที่ปลอดสารปรอท เช่น โลหะผสมแกลเลียม (gallium alloy) แทน

สหภาพยุโรป ได้ประกาศห้ามใช้วัสดุอุดฟันที่มีสารปรอทตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ถือเป็นภูมิภาคแรก ๆ ที่ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อลดการปล่อยสารพิษ

อนุสัญญามินามาตะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2556 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อปกป้องสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยสารปรอทในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก และจัดให้มีการประชุมทบทวนทุก 2 ปี เพื่อกำหนดมาตรการลดการใช้และปล่อยสารปรอทอย่างต่อเนื่อง