‘คิม จองอึน’ ประณาม ‘สหรัฐฯ’ หลังโดนคว่ำบาตรจนท. เกาหลีเหนือ เอี่ยวฟอกเงินอาชญากรรมไซเบอร์

06 พ.ย. 2568 | 07:33 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2568 | 07:37 น.

‘คิม จองอึน’ ประณามสหรัฐฯ ใช้นโยบายเป็นศัตรู หลังคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่-องค์กรเกาหลีเหนือพัวพันฟอกเงินจากอาชญากรรมไซเบอร์ ขู่ตอบโต้เท่าทัน ขณะสหรัฐฯ จับตาเรือเกาหลีเหนือส่งออกผิดกฎหมายสู่จีน

KEY

POINTS

  • สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และองค์กรของเกาหลีเหนือ ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากอาชญากรรมไซเบอร์
  • เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยระบุว่าเป็น "นโยบายที่เป็นศัตรู" และขู่ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้
  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้แจงว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นเงินทุนที่เกาหลีเหนือนำไปใช้พัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จำนวน 8 ราย และองค์กรอีก 2 แห่งจากเกาหลีเหนือ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากผลกำไรที่ได้จากการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ โดย คิม อึนชอล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ด้านกิจการสหรัฐฯ ได้ระบุว่า มาตรการนี้สะท้อนให้เห็นถึง “นโยบายที่เป็นศัตรูอย่างชัดเจน” ของสหรัฐฯ ที่ยังคงมองเกาหลีเหนือเป็นคู่แข่งและภัยคุกคาม พร้อมทั้งประกาศว่า “ตราบใดที่สหรัฐฯ ยังคงดำเนินพฤติกรรมเช่นนี้ เกาหลีเหนือจะไม่ยอมอยู่เฉย และจะตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสม”

ในขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ชี้แจงว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบนี้มีเป้าหมายเพื่อปิดช่องทางการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับรายได้จากการโจรกรรมทางไซเบอร์ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือใช้เป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ โดยถือเป็นการกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติการกระทำที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

นอกจากนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ยังได้เสนอให้สหประชาชาติพิจารณาคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเรือ 7 ลำ ที่สงสัยว่ามีการลักลอบส่งออกถ่านหินและแร่เหล็กจากเกาหลีเหนือไปยังจีน ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนมติคว่ำบาตรของยูเอ็นอีกด้วย

ถึงแม้ท่าทีแข็งกร้าวของเกาหลีใต้จะเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงความต้องการที่จะพบกับ คิม จองอึน เพื่อฟื้นฟูการเจรจาการค้าที่หยุดชะงักมานาน แต่เกาหลีเหนือยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทีตอบรับใดๆ

ในเวลาเดียวกัน หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยว่ามีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างสองผู้นำ โดยคาดว่าการพบกันอาจเกิดขึ้นหลังการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ในเดือนมีนาคมปีหน้า หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญในความสัมพันธ์บนคาบสมุทรเกาหลี ในขณะที่แรงกดดันจากนานาชาติยังคงเพิ่มสูงต่อคิม จองอึน อย่างต่อเนื่อง