นักวิชาการชี้ เกาหลีใต้ใช้ไม้แข็ง หลังเหยื่อสแกมเมอร์พุ่ง 330 คน

16 ต.ค. 2568 | 06:50 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2568 | 09:38 น.

ดร.ไพบูลย์ นักวิชาการด้านเกาหลีชี้ เกาหลีใต้เดินหน้าไม้แข็ง กดดันกัมพูชาปราบแก๊งสแกมเมอร์ หลังเหยื่อสแกมเมอร์พุ่ง-นักศึกษาดับ พร้อมสัญญาณไฟเขียวจากสหรัฐฯ

ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ประธานศูนย์เกาหลีศึกษา (2009-2024) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างเกาหลีใต้และกัมพูชา ผ่านรายการ “ฐานทอล์ค” ช่องเนชั่นทีวี22 หลังจากเกิดกรณีชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกลวง และมีนักศึกษาเสียชีวิตในกัมพูชา 

โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ผลักดันให้เกาหลีใต้ต้องยกระดับมาตรการกดดันกัมพูชาอย่างเร่งด่วน โดยอาจมีการเตรียมพร้อมส่งกำลังทหารเข้าจัดการ หากการเจรจาทางการทูตไม่เป็นผล

ประวัติความสัมพันธ์และการค้า

ดร.ไพบูลย์ ได้กล่าวถึงภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐว่า เกาหลีใต้และกัมพูชาเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1970 ซึ่งนับเป็นเวลาประมาณ 55 ปีมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางการทูตถูกยุติไปในปี 1975 เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในของกัมพูชาเอง และหยุดชะงักนานถึง 22 ปี ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่ในปี 1997 ในยุคของตระกูลฮุน มาจนถึงปัจจุบัน

ความสัมพันธ์เกาหลีใต้ และกัมพูชาเริ่มเข้มข้นมากขึ้น หลังปี 1997 เป็นต้นมา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ลงทุนติดอันดับ 1 ใน 5 ของกัมพูชา รองจากจีนและสิงคโปร์ 

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกัมพูชาในด้านความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (ODA) โดยเกาหลีใต้ให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่กัมพูชาปีละไม่ต่ำกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ ทำให้รัฐบาลกัมพูชาเองจึงค่อนข้างเกรงใจเกาหลีค่อนข้างมาก ในขณะที่ด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเกาหลีไปเยือนกัมพูชาถึงประมาณปีละ 500,000 คน

เกาหลีใต้ ยกระดับมาตรการ “เบาไปหาหนัก”

ดร.ไพบูลย์ ชี้ว่า ปัญหาชาวเกาหลีที่เดินทางไปเยือนกัมพูชาแล้วหายตัวไป หรือตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2021 แต่ตัวเลขอยู่ในหลักไม่เกิน 20 คน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2024 มียอดผู้สูญหายถึง 221 คน และใน 8 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขผู้สูญหายขึ้นมาสูงถึง 330 คน

“การเสียชีวิตของนักศึกษาวัย 22 ปี ที่ถูกทุบตีทรมานนี้ ถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ทำให้เกาหลีมองว่าปัญหาได้เปลี่ยนจากภัยทางเศรษฐกิจไปเป็นภัยต่อความมั่นคงแล้ว” ดร.ไพบูลย์ กล่าว

เกาหลีใต้เริ่มดำเนินการตามมาตรการ "จากเบาไปหาหนัก" โดยได้เรียกทูตมาหารือ และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดี ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 15 ต.ค. ได้มีการส่งคณะทำงานร่วมที่ประกอบด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายยุติธรรมเดินทางไปยังกรุงพนมเปญแล้ว

ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ประธานศูนย์เกาหลีศึกษา (2009-2024) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มาตรการถัดไปอาจรวมถึงการจัดตั้ง “Korean desk” หรือการส่งตำรวจเกาหลีไปประจำการถาวรในกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกาหลีเคยทำในประเทศอื่น

ดร.ไพบูลย์ ชี้ว่า รัฐบาลเกาหลีชุดปัจจุบัน ซึ่งประธานาธิบดีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 4 เดือน (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน) กำลังเผชิญกับความสั่นคลอนทางการเมืองอย่างมากหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ทำให้มี ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลส่งสัญญาณว่าควร "take action" เข้าไปจัดการ

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังต้องการพาชาวเกาหลีที่หายตัวไปอีก 80 คนกลับประเทศ แม้กัมพูชาจะยืนยันว่าปลอดภัยดีก็ตาม หากมีปัญหาเกิดขึ้น รัฐบาลเกาหลีก็มีการ "เตรียมพร้อมทหารเอาไว้เหมือนกัน"

สหรัฐฯขยับ สัญญานไฟเขียวปราบสแกมเมอร์กัมพูชา

ดร.ไพบูลย์ มองว่า จังหวะเวลาที่เกาหลีใต้ดำเนินการครั้งนี้ถือเป็น timing ที่ดี เนื่องจากสอดคล้องกับการดำเนินการของสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เช่น การยึดเงิน Bitcoin จากหัวโจกแก๊งสแกมเมอร์

การที่เกาหลีกล้าพูดถึงการใช้กำลังทหารเข้าจัดการหากกัมพูชาไม่ทำอะไร ถือเป็นสัญญาณว่าน่าจะได้รับ ไฟเขียวจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้การสนับสนุนเกาหลีในเชิงการทหารอย่างมาก และมีการหารือในระดับหนึ่งแล้วว่าสหรัฐฯ จะไม่มีปัญหาหากเกาหลีตัดสินใจปฏิบัติการในกัมพูชา

นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว เกาหลีใต้ยังสามารถใช้ความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ได้แก่ ไทย ลาว และเวียดนามในการขอความร่วมมือและกดดันไปยังกัมพูชา เพราะการที่เกาหลีจะจัดการหรืออพยพพลเมือง จำเป็นต้องอาศัยประเทศพันธมิตรที่อยู่ใกล้เคียง

ในส่วนของความสัมพันธ์นั้น เกาหลีใต้ได้ให้เงิน ODA แก่ สปป.ลาวค่อนข้างเยอะ และให้เงินไม่น้อยกว่ากัมพูชา ในขณะที่ประเทศเวียดนาม ก็มีภาคธุรกิจเกาหลีเข้าไปลงทุนมากกว่า 3,000 โรงงาน หรือมากกว่าการลงทุนในประเทศไทยเกินกว่า 10 เท่า ในส่วนของประเทศไทย น่าจะเป็นประเทศที่คุยง่ายที่สุด เนื่องจากประเทศไทยเองก็มีวัตถุประสงค์ร่วมกับเกาหลีในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไข 4 ข้อที่ไทยยื่นต่อกัมพูชาด้วย

ดร.ไพบูลย์ สรุปว่า เกาหลีใต้น่าจะมีบทสรุปเกี่ยวกับความร่วมมือของรัฐบาลกัมพูชา "ภายในวัน 2 วันนี้" เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีแผนปฏิบัติการในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์จริง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เสียชีวิตชาวเกาหลีรายที่ 2 เกิดขึ้นอีก