เกาหลีใต้ส่งคณะพิเศษบุกกัมพูชา เร่งคลี่คดีหลอกลวง-ทรมานพลเมือง เหยื่อพุ่ง 200 ราย

15 ต.ค. 2568 | 07:22 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2568 | 07:22 น.

รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งคณะทำงานพิเศษลงพื้นที่กัมพูชา เร่งรัดคดีหลอกลวง-ทรมานชาวเกาหลีใต้ หลังจำนวนเหยื่อพุ่งกว่า 10 เท่า พร้อมหารือแผนส่งผู้ต้องขังกลับประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติที่ทวีความรุนแรง

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งคณะทำงานพิเศษระดับสูงไปยังกัมพูชา เพื่อเร่งรัดการคลี่คลายคดีที่พลเมืองของตนถูกหลอกลวง ลักพาตัว และทรมาน
  • ภารกิจหลักคือการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการสอบสวน โดยเฉพาะการจัดตั้งทีมสอบสวนร่วม และการนำตัวผู้ต้องขังชาวเกาหลีใต้กลับประเทศ
  • ปัญหารุนแรงขึ้นหลังแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติย้ายฐานมายังกัมพูชา ส่งผลให้จำนวนผู้เสียหายชาวเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 200 ราย

(15 ต.ค.68) รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศเริ่มการดำเนินการ “เร่งกู้ศักดิ์ศรี” เพื่อช่วยเหลือพลเมืองของตนที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศกัมพูชา โดยในวันนี้จะมีการส่ง “คณะทำงานร่วมพิเศษ” เดินทางไปยังกรุงพนมเปญในช่วงเย็น เพื่อเจรจากับทางการกัมพูชาในระดับสูง หวังว่าจะสามารถคลี่คลายคดีที่สร้างความสะเทือนใจ ซึ่งผู้คนจำนวนมากจากเกาหลีใต้ถูกล่อล่วงไปทำงาน ถูกลักพาตัว และหลายคนถึงขั้นต้องเผชิญกับความทรมานจนเสียชีวิต

คณะทำงานนี้นำโดย คิม จินอา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2 โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) เข้าร่วม ซึ่งเป็นทีมพิเศษที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อเข้าพบและหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาโดยตรง เพื่อเน้นความร่วมมือในการสอบสวน รวมถึงการจัดตั้ง “ทีมสอบสวนร่วม” ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะกรณีของนักศึกษาเกาหลีใต้ที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจและความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้

ภารกิจของคณะทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่การติดตามคดีอาชญากรรม แต่ยังรวมถึงการประสานงานเพื่อนำตัวผู้ต้องขังชาวเกาหลีที่ถูกจับในกัมพูชากลับบ้าน โดยขณะนี้มีพลเมืองเกาหลีใต้ประมาณ 63 คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำของกัมพูชา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฉ้อโกงออนไลน์ ซึ่งบางคนเข้าร่วมโดยสมัครใจ รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนที่จะนำตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับกลับประเทศก่อน แต่ความซับซ้อนของสถานการณ์ทำให้มีรายงานว่าผู้ต้องขังหลายคน “ไม่ต้องการเดินทางกลับ” ส่งผลให้กระบวนการส่งตัวกลับยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีพลเมืองเกาหลีใต้ประมาณ 80 คนที่เดินทางไปกัมพูชาแล้วไม่สามารถติดต่อได้ โดยเชื่อว่าบางคนอาจถูกลักพาตัวหรือถูกกักขังโดยมิจฉาชีพ ขณะที่บางคนก็อาจตั้งใจตัดการติดต่อเพื่อลดความเสี่ยงในคดี ทั้งนี้ สถิติการร้องเรียนในลักษณะนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจจากเพียง 17 คดีในปี 2566 (ค.ศ.2023) เป็น 220 คดีในปีถัดมา ซึ่งแสดงถึงความรุนแรงของปัญหาและการขยายตัวของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคนี้

เจ้าหน้าที่จากเกาหลีใต้ได้ชี้ให้เห็นว่า หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คดีต่างๆ เพิ่มขึ้นนั้น เกิดจากการที่กลุ่มมิจฉาชีพได้ย้ายฐานจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำซึ่งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างพม่า ลาว และไทย มายังกัมพูชา นับตั้งแต่ที่รัฐบาลหลายประเทศประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น “เขตห้ามเดินทาง” ตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางใหม่สำหรับกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างในเรื่องการหลอกลวงงานและการดำเนินการคอลเซ็นเตอร์ที่ผิดกฎหมาย ที่มีการใช้แรงงานต่างชาติโดยเฉพาะชาวเกาหลีใต้เป็นเป้าหมายหลัก

ในขณะที่สังคมและครอบครัวของผู้สูญหายกำลังร้อนแรงในการเรียกร้องความช่วยเหลือ รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาแต่งตั้ง พัค อิล อดีตเอกอัครราชทูตประจำเลบานอน เพื่อเข้ามาทำหน้าที่แทนเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกัมพูชาซึ่งตำแหน่งว่างอยู่ โดยหวังว่าจะสามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วและมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น

 

ที่มา: สำนักข่าว Yonhap