ดาวโจนส์ปิดลบ 1.20 จุด-S&P500,Nasdaq ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

09 ต.ค. 2568 | 00:35 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2568 | 00:35 น.

ดาวโจนส์ปิดลบ 1.20 จุด-S&P500,Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งหุ้นเทคโนโลยี

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย สวนทางกับดัชนี S&P500 และ Nasdaq ที่ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
  • นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ย แต่ยังคงระมัดระวังเรื่องเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ (8 ต.ค.) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) 

ซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดยังคงสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ก็มีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 46,601.78 จุด ลดลง 1.20 จุด หรือ -0.003%, 
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,753.72 จุด เพิ่มขึ้น 39.13 จุด หรือ +0.58% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,043.38 จุด เพิ่มขึ้น 255.02 จุด หรือ +1.12%

ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัท U.S. Bank Wealth Management กล่าวว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวการทำข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างบริษัท AI รายใหญ่หลายรายในช่วงที่ผ่านมา

ดาวโจนส์ปิดลบ 1.20 จุด-S&P500,Nasdaq ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ล่าสุด ไอบีเอ็ม (IBM) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และ แอนโทรปิก (Anthropic) สตาร์ตอัปด้าน AI ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อเร่งพัฒนา AI ที่พร้อมใช้งานในระดับองค์กร 

โดยจะผสานรวม Claude ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของ Anthropic เข้ากับเครื่องมือ AI IDE (Integrated Development Environment) ตัวใหม่ของ IBM ซึ่งได้รับการออกแบบมาพร้อมความสามารถในการสร้างงานอัตโนมัติขั้นสูงสำหรับวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับองค์กร รวมถึงการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปชั้นนำของสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกับโอเพนเอไอ (OpenAI) เจ้าของ ChatGPT ซึ่งเป็นแชตบอตระดับโลก โดย AMD จะจัดหาชิป AI ให้กับ OpenAI ภายใต้ข้อตกลงที่จะสามารถสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี และจะเปิดทางให้ OpenAI ซื้อหุ้นในบริษัท AMD ได้สูงถึง 10%

การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 8 ส่งผลให้ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งทำให้นักลงทุนหันไปติดตามรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์หน้า ตลาดจนรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของเฟด

รายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 ก.ย.ของเฟดระบุว่า การที่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นนั้น ถือเป็นเหตุผลเพียงพอที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กรรมการเฟดก็ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูง 

นอกจากนี้ แม้ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ แต่กรรมการเฟดไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์จากบริษัท Horizon Investments แสดงความเห็นว่า รายงานการประชุมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเฟดอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจจากภาครัฐ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลยังคงถูกชัตดาวน์

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักมากถึง 92.5% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.52% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.85% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.57% และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 0.52%