ดาวโจนส์ปิดบวก 78.62 จุด ทำสถิติสูงสุด หลังหุ้นเทคหนุนตลาด

03 ต.ค. 2568 | 00:53 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 78.62 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 78.62 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ตลาดได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น Nvidia, Apple และ Broadcom
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังข้อมูลตลาดแรงงานภาคเอกชนออกมาอ่อนแอ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลตลาดแรงงานจากภาคเอกชนอย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลาที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์ เป็นวันที่สอง

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 46,519.72 จุด เพิ่มขึ้น 78.62 จุด หรือ +0.17%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,715.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด หรือ +0.06% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,844.05 จุด เพิ่มขึ้น 88.89 จุด หรือ +0.39%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้น Apple บวก 0.6% และหุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 1.4% 

ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ดีดตัวขึ้น 1.9% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดาวโจนส์ปิดบวก 78.62 จุด ทำสถิติสูงสุด หลังหุ้นเทคหนุนตลาด

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เลื่อนการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ออกไปจากกำหนดการเดิมในวันนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ชัตดาวน์ ทำให้นักลงทุนหันไปจับตาข้อมูลแรงงานจากภาคเอกชน 

ข้อมูลจากแชลเลนเจอร์ เกรย์ แอนด์ คริสต์มาส (Challenger, Gray & Christmas) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านแรงงานของสหรัฐฯ ระบุว่า นายจ้างในสหรัฐฯ ประกาศเลย์ออฟพนักงานน้อยลงในเดือนก.ย. แต่แผนการจ้างงานนับตั้งแต่ต้นปีนี้อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานเมื่อวันพุธว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง

ข้อมูลแรงงานที่ซบเซาเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกรายงานระบุว่า การที่สหรัฐฯ เผชิญภาวะชัตดาวน์ในขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือในระยะใกล้ ส่วนผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น จะขึ้นอยู่กับว่าภาวะชัตดาวน์จะขยายวงกว้างและยืดเยื้อนานเพียงใด 

ขณะที่เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ระบุว่า โดยปกติแล้วภาวะชัตดาวน์มักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเพียงเล็กน้อย และไม่ถือเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ