KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลตลาดแรงงานจากภาคเอกชนอย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลาที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์ เป็นวันที่สอง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้น Apple บวก 0.6% และหุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 1.4%
ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ดีดตัวขึ้น 1.9% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เลื่อนการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ออกไปจากกำหนดการเดิมในวันนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ชัตดาวน์ ทำให้นักลงทุนหันไปจับตาข้อมูลแรงงานจากภาคเอกชน
ข้อมูลจากแชลเลนเจอร์ เกรย์ แอนด์ คริสต์มาส (Challenger, Gray & Christmas) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านแรงงานของสหรัฐฯ ระบุว่า นายจ้างในสหรัฐฯ ประกาศเลย์ออฟพนักงานน้อยลงในเดือนก.ย. แต่แผนการจ้างงานนับตั้งแต่ต้นปีนี้อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานเมื่อวันพุธว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง
ข้อมูลแรงงานที่ซบเซาเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกรายงานระบุว่า การที่สหรัฐฯ เผชิญภาวะชัตดาวน์ในขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือในระยะใกล้ ส่วนผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น จะขึ้นอยู่กับว่าภาวะชัตดาวน์จะขยายวงกว้างและยืดเยื้อนานเพียงใด
ขณะที่เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ระบุว่า โดยปกติแล้วภาวะชัตดาวน์มักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเพียงเล็กน้อย และไม่ถือเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ