ดาวโจนส์ปิดบวก 68.78 จุด หลังได้แรงหนุนซื้อหุ้นเทคโนโลยี

30 ก.ย. 2568 | 01:32 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2568 | 01:32 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 68.78 จุด หลังได้รับแรงหนุนจากการซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และมองข้ามปัจจัยลบเกี่ยวกับความเสี่ยงหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนหลักจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น Nvidia, AMD, Micron Technology และ Microsoft
  • นักลงทุนมองข้ามปัจจัยลบ ทั้งความเสี่ยงที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) และความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (29 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด 

โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และมองข้ามปัจจัยลบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ 

รวมถึงการความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (FED)

ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความเชื่อมั่นในการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) รวมทั้งความคาดหวังว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ในช่วงเวลาที่เฟดจะต้องรับมือกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน

ดาวโจนส์ปิดบวก 68.78 จุด หลังได้แรงหนุนซื้อหุ้นเทคโนโลยี

หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นบริษัท AI รายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Advanced Micro Devices (AMD) พุ่งขึ้น 1.2% หุ้น Micron Technology ทะยานขึ้น 4.2% และหุ้น Microsoft ปรับตัวขึ้น 0.6%

นักลงทุนจับตาการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแกนนำทั้งสี่ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวในวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาไทย เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงวิกฤติชัตดาวน์ โดยแกนนำทั้งสี่คนได้แก่ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร, จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ (ตรงกับเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย) โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.

อย่างไรก็ตาม ลินด์เซย์ เบลล์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนจากบริษัท 248 Ventures กล่าวว่า ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองในด้านบวก ซึ่งรวมถึงความหวังที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

การแสดงความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น เบธ แฮมแมก ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวที่สนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินและไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่อัลเบอร์โต มูซาเลม ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ กล่าวว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่เฟดต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงพอที่จะสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด

อย่างไรก็ดี เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28-29 ต.ค.

หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกัญชาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้แชร์วิดีโอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) โดยมีเนื้อหาสนับสนุนประโยชน์ด้านสุขภาพที่ได้จากสารแคนนาบิไดออล (CBD) ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชง (hemp) โดยหุ้น Canopy Growth พุ่งขึ้น 17%, หุ้น Cronos Group พุ่งขึ้นเกือบ 13% และหุ้น Tilray Brands ทะยานขึ้น 60.9%