KEY
POINTS
กระแสการถกเถียงเกี่ยวกับ “Entertainment Complex” กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยยืนยันว่า “รัฐบาลนี้มีนโยบายที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนธุรกิจการพนัน ไม่ว่าจะเป็น Entertainment Complex ที่มีคาสิโน หรือการพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย”
ความชัดเจนจากรัฐบาลมาในขณะเดียวกับที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วุฒิสภาได้รายงานผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex โดยเห็นตรงกันว่าร่างกฎหมายนี้อาจสร้างผลกระทบในหลายมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ จึงไม่ควรดำเนินการต่อ ซึ่งถือเป็นการปิดทางในขั้นตอนนิติบัญญัติไปอีกก้าว
ภาคเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมีมุมมองที่แตกต่าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการระดับโลกที่เชื่อว่าไทยกำลังพลาดโอกาสสำคัญในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ที่กำลังลงทุนใน Entertainment Complex และดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย "อีเวนต์ระดับโลก" และ "จุดหมายปลายทางใหม่" ที่มีความครบวงจร ขณะที่ไทยยังขาดทิศทางที่ชัดเจน
นายเควิน เคลย์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ของกาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่าความสำคัญอยู่ที่ "ความชัดเจนทางนโยบาย" ซึ่งจะช่วยให้เอกชนสามารถวางแผนการลงทุนระยะยาวได้อย่างเป็นระบบ โดยเขาย้ำว่าเอกชน "พร้อมรอและร่วมมือ" หากรัฐเปิดพื้นที่ให้ข้อมูล ตั้งกลไกศึกษา (study group) ที่พึ่งพาข้อมูลจริง แทนที่จะตัดสินใจจากความรู้สึกหรือภาพจำ (perception) ที่อาจคลาดเคลื่อน พร้อมเสนอให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (public-private collaboration) เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่และอีเวนต์ระดับโลกที่จะดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกมาที่ประเทศไทย
โจทย์ใหญ่ของไทยไม่ใช่แค่ “สถานที่” แต่คือ "ประสบการณ์" ที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่จะจดจำปลายทางผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย มากกว่าการขายแลนด์มาร์คหรือสินค้ารายแยก เช่น "คอนเสิร์ตศิลปินระดับท็อปของโลก" ที่ได้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำให้เกิดกระแสและเพิ่มมูลค่าให้กับปลายทางได้อย่างมีนัยสำคัญ นายเควิน ยังระบุว่า ภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มีประสบการณ์ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการออกแบบประสบการณ์ การบริหารจัดการ และการตลาด หากรัฐบาลมีการรับฟังอย่างเป็นระบบ
เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ภูมิทัศน์การแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และออสเตรเลีย ต่างก็พยายามปรับกลยุทธ์ในการพัฒนา "man-made destination" และนำเสนออีเวนต์ระดับโลกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบที่น่าสนใจ การตัดสินใจลงทุนสร้างแหล่งดึงดูดและผลักดัน Formula 1 ช่วยเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นด้านการกำกับดูแล เช่น กฎระเบียบเกี่ยวกับการเงินและการป้องกันการฟอกเงินนั้นสามารถทำได้ หากมีการออกแบบด้วยระบบที่มีความโปร่งใส ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการปิดกั้นนโยบายต่างๆ แบบเหมาเข่ง
ในด้านสถิติการท่องเที่ยวก็ท้าทายไม่น้อย ประเทศไทยเคยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวสูงสุดก่อนการระบาดของโควิด แต่หลังจากนั้น สถานการณ์กลับเปลี่ยนไป "จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่การใช้จ่ายต่อครั้งสูงขึ้น" ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการบริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้น แม้ว่าจำนวนผู้มาเยือนไทยจะลดลงก็ตาม แต่ในปี 2568 หลายประเทศในภูมิภาคกลับมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศไทยกลับมีแนวโน้มติดลบ นี่แสดงให้เห็นว่าจีนยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่ขับเคลื่อนตลาดในเอเชีย และทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าไทยจะพัฒนาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างไรในเวทีที่มุ่งเน้นประสบการณ์และคุณค่าเพิ่ม มากกว่าที่จะเน้นปริมาณเพียงอย่างเดียว
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในยุคหลังโควิดก็เริ่มชัดเจนขึ้น ชนชั้นกลางในภูมิภาคมองหากิจกรรมทางวัฒนธรรมและความบันเทิงที่หลากหลาย ในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้สูงกำลังมองหาทริปหรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะกลุ่ม Upper middle class ซึ่งคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวในเอเชีย-แปซิฟิก คือกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจ่ายเพื่อ “ประสบการณ์ที่ดี มีความแตกต่าง และคุ้มค่า” นี่คือ “โอกาส” หากประเทศไทยสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ตรงจังหวะ และมีการสื่อสารที่เข้าถึงใจ
ในแง่ของแผนระยะกลางถึงระยะยาว นายเควินได้เตือนว่า ภายในปี 2027 จะมี Entertainment Complex ใหม่ในเอเชียเกิดขึ้นถึง 3 แห่ง เช่น มาเก๊าและเวียดนาม ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในตลาดนี้ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอีเวนต์และคอนเสิร์ตระดับโลกที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 267,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2030 หากประเทศไทยไม่มี “โปรดักต์เรือธง” ที่เชื่อมโยงกับปฏิทินอีเวนต์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยอาจถูกผลักให้ตกไปอยู่นอกกรอบการเลือกสถานที่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะเมื่อ “ความปลอดภัย” เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทาง และ “ข้อมูลและเนื้อหา” ที่ช่วยในการตัดสินใจ ยกตัวอย่างการทำงานของ Japan Tourism Authority ที่ทำได้ดี ก็ยังเป็น “จิ๊กซอว์” ที่ประเทศไทยยังขาดอยู่เช่นกัน
ในปัจจุบัน ภาพรวมทางนโยบายเกี่ยวกับ Entertainment Complex ในประเทศไทยชัดเจนมากขึ้น จากการยืนยันของรัฐบาลชุดนี้และข้อสรุปจากคณะกรรมาธิการวุฒิสภาที่ตัดสินใจไม่สนับสนุนการเปิดคาสิโน ขณะที่ภาคเอกชนแสดงความพร้อมในการร่วมมือและแบ่งปันประสบการณ์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้ไปถึงมาตรฐานระดับโลก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการพนันเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
แนวทางที่เสนอคือให้รัฐจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นและตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจากอุตสาหกรรมเข้ามามีส่วนร่วม รวบรวมข้อมูลเชิงสถิติ กรณีศึกษาต่างๆ และมาตรการกำกับดูแล เพื่อออกแบบนโยบายที่มีพื้นฐานจากความจริงและความโปร่งใส มากกว่าการโต้แย้งด้วยอารมณ์หรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในที่สาธารณะ
ในด้านปฏิบัติ ภาคเอกชนได้เสนอ "แผนระยะยาว" ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างผลิตภัณฑ์และอีเวนต์ที่เป็นเรือธง มีการตลาดที่มุ่งเป้าอย่างชัดเจน ดึงดูดสปอนเซอร์ระดับสูง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ การสร้าง "ประสบการณ์ลายเซ็นของไทย" อย่างวลีติดหูจนกลายเป็นภาพจำอย่าง "Amazing Thailand" ที่ผู้คนจะต้องการเดินทางมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ สิ่งนี้ต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสังคมและการเงิน พร้อมกับพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแล ภาคเอกชนยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังจะกดดันรัฐบาล แต่ต้องการร่วมกันหาวิธีการที่ให้ความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสังคม
สุดท้ายนี้ การอภิปรายเกี่ยวกับ Entertainment Complex ในไทยในวันนี้จึงไม่ใช่แค่คำถามว่าจะ "มีหรือไม่" แต่เป็นการทดสอบในการออกแบบอนาคตของการท่องเที่ยวไทยว่าจะทำให้ "โดดเด่นด้วยประสบการณ์" ได้อย่างไรในยุคที่การแข่งขันในภูมิภาคมีความรวดเร็ว การตัดสินใจไม่เปิดพนันเป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่การเปิดโอกาสให้ข้อมูลจริง มาตรการกำกับดูแล และความร่วมมือเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และอีเวนต์ระดับโลก อาจเป็นคำตอบที่ช่วยให้ไทยไม่เพียงแต่รักษาความสามารถเดิม แต่ยังสามารถกลับมา "พีค" และกลายเป็นผู้นำด้านประสบการณ์การท่องเที่ยวในเอเชียได้อีกครั้ง ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ในมือ