‘ทรัมป์-สี จิ้นผิง’ คุยครั้งแรกในรอบ 3 เดือน คืบหน้าดีล TikTok-นัดเจอเกาหลีใต้

19 ก.ย. 2568 | 22:56 น.

ทรัมป์เผยโทรคุยสีจิ้นผิงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน คืบหน้าดีล TikTok พร้อมนัดพบตัวต่อตัวที่เกาหลีใต้ หารือการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหายาเสพติด

KEY

POINTS

  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้สนทนาทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
  • การพูดคุยมีความคืบหน้าในการหาทางออกเกี่ยวกับอนาคตของแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐอเมริกา
  • ผู้นำทั้งสองตกลงที่จะพบปะกันที่เมืองคย็องจู ประเทศเกาหลีใต้ ในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหารือประเด็นการค้าและปัญหาระหว่างประเทศ

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการคุยกันครั้งแรกในรอบสามเดือน โดยระบุว่าการสนทนาครั้งนี้ช่วยสร้างความก้าวหน้าในหลายประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะการหาทางออกสำหรับอนาคตของแอปพลิเคชัน TikTok ที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ ให้ต้องปิดให้บริการภายในเดือนมกราคม 2568 หากไม่สามารถขายกิจการในอเมริกาให้พ้นจากการถือครองของบริษัท ByteDance จากจีนได้

ทรัมป์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะมีการพบปะกันเป็นการส่วนตัวในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า ที่เมืองคย็องจูในเกาหลีใต้ ระหว่างการประชุม APEC ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนตุลาคม โดยจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นการค้า ปัญหาการลักลอบนำเข้าสารเฟนทานิลที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของชาวอเมริกัน รวมไปถึงความพยายามในการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ยังมีแผนที่ทรัมป์จะเดินทางไปจีนในต้นปีหน้า ขณะที่สี จิ้นผิง จะเดินทางไปสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

แม้ว่า ทรัมป์ จะย้ำว่า "การพูดคุยนี้เป็นการเจรจาที่ดีมาก" และได้ขอบคุณจีนสำหรับ "การอนุมัติกรอบความตกลง TikTok" แต่แถลงการณ์จากทางปักกิ่งกลับไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลง TikTok โดยตรง โดยบอกเพียงว่าจีนยึดมั่นในหลักการที่เปิดให้ธุรกิจเจรจาผ่านกลไกตลาดและตามกฎหมายของจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารายละเอียดของข้อตกลงนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อไป

แรงกดดันจากสภาคองเกรสยังคงมีอยู่ เนื่องจากมีกฎหมายที่บังคับให้ TikTok ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ หากไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญกับการถูกบล็อก นอกจากนี้ ผู้ร่างกฎหมายบางคนก็ยังคงเป็นห่วงเกี่ยวกับโครงสร้างการถือครองและโอกาสที่จีนจะยังคงมีอิทธิพลผ่านอัลกอริธึมของ ByteDance ซึ่งทรัมป์เองก็ยอมรับว่า TikTok มี “คุณค่ามหาศาล” ต่อการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของแอปนี้เปลี่ยนไปเป็นเกมการเมืองที่ทั้งสองฝ่ายใช้เป็นเครื่องต่อรอง

นอกจากเรื่อง TikTok แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังมีประเด็นซับซ้อนอื่น ๆ ที่ต้องจัดการ ตั้งแต่สงครามการค้าที่ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการภาษีในระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี การตอบโต้จากจีนที่ขึ้นภาษีในระดับสามหลัก ปัญหาการเข้าถึงวัสดุและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมไปถึงความขัดแย้งในไต้หวันและทะเลจีนใต้ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเอ่ยถึงในการพูดคุยในครั้งนี้ แต่ก็ยังคงเป็นจุดที่สำคัญในภูมิภาค

โดยอีกหนึ่งประเด็นที่สหรัฐฯ ยกขึ้นมาคือการเรียกร้องให้จีนจัดการจำกัดการส่งออกสารตั้งต้นเฟนทานิลที่ใช้ผลิตยาเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมากในสหรัฐฯ ในขณะที่จีนมองว่าประเด็นนี้ถูกบิดเบือนจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งได้แสดงท่าทีที่ผ่อนคลาย โดยอนุญาตให้เชนยวี เหมา นายธนาคารจาก Wells Fargo กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากถูกกักตัวมานานหลายเดือน ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในด้านการทูต