KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (12 ก.ย.) แต่ดัชนี Nasdaq ปิดทำสถิติสูงสุดในการซื้อขายที่ผันผวน
โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Microsoft ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า (16-17 ก.ย.)
ซึ่งมีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจากมีการชะลอตัวในตลาดแรงงาน
โดยตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.6%, ดัชนีดาวโจนส์บวกเกือบ 1% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2% ซึ่งได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจาก Oracle ประกาศคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเมื่อวันอังคาร
การพุ่งขึ้นของหุ้น Tesla และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอื่น ๆ ช่วยหนุนให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันที่ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามตัวทำสถิติสูงสุดตลอดกาล
หุ้น Microsoft บวก 1.8% หลังจากสามารถหลีกเลี่ยงการถูกปรับเป็นจำนวนมากจากสหภาพยุโรปในคดีผูกขาดตลาดด้วยการเสนอขายผลิตภัณฑ์ Office ที่ไม่รวม Teams ในราคาถูกลง
หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 7.4% หลังจาก ร็อบบิน เดนโฮล์ม ประธานบอร์ด ปฏิเสธความกังวลที่ว่า กิจกรรมทางการเมืองของ อีลอน มัสก์ จะกระทบยอดขาย และยืนยันว่ามหาเศรษฐีมัสก์ยังคงมีบทบาทสำคัญในบริษัท หลังจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับทำเนียบขาวเป็นเวลาหลายเดือน อย่างไรก็ตาม หุ้น Tesla ยังคงติดลบ 2% ในปี 2568
หุ้นผู้ผลิตวัคซีนร่วงลง หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ วางแผนเชื่อมโยงวัคซีนโควิด-19 กับการเสียชีวิตของเด็ก 25 คน โดยหุ้น Moderna ร่วง 7.4% ส่วนหุ้น Pfizer และ Novavax ดิ่งลงมากกว่า 3%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หลังจากตลาดหุ้นพุ่งแรงเมื่อวันพฤหัสบดี นักลงทุนจึงชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูท่าทีของตลาด
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในเดือนก.ย. เนื่องจากผู้บริโภคมองเห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อภาวะธุรกิจ ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อ
หลังจากสัญญาณตลาดแรงงานอ่อนแอลง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสะท้อนการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงรวม 0.75% ภายในสิ้นปีนี้
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของเฟดในวันอังคารและพุธหน้า โดยนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงการจ้างงานที่ซบเซามายาวนานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง