KEY
POINTS
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังเดินเกมกดดันครั้งใหญ่ในสมรภูมิการค้าระดับโลก หลังสื่อสหรัฐฯ และอังกฤษรายงานตรงกันว่า เขาได้เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ออกมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและอินเดียในอัตราสูงถึง 100% โดยให้เหตุผลว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกดดันรัสเซียให้ยุติสงครามในยูเครน
รายงานระบุว่า ทรัมป์ได้โทรศัพท์เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอียูในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ พร้อมจะเดินหน้าเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนและอินเดียทันที หากยุโรปยอมก้าวไปในทิศทางเดียวกัน ข้อความจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่ถูกอ้างโดย Financial Times ระบุว่า “เราพร้อมแล้ว พร้อมที่จะทำทันที แต่จะเดินไปต่อก็ต่อเมื่อพันธมิตรยุโรปก้าวไปพร้อมกับเรา”
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณเข้มข้นขึ้นอีกขั้น หลังจากเมื่อเดือนก่อน ทรัมป์เพิ่งสั่งปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียไปแล้วถึง 50% โดยอ้างถึงการที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า สหรัฐฯ และอินเดียกำลังเจรจาแก้ไขอุปสรรคทางการค้า และเขาตั้งตารอที่จะได้หารือกับนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียที่เขาเรียกว่า “เพื่อนที่ดีมาก” ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยเชื่อมั่นว่าการเจรจาจะสามารถหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศได้
ด้านโมดีเองก็ตอบรับอย่างเชิงบวก โดยโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า เขามั่นใจว่าการหารือดังกล่าวจะเป็นการปูทางสู่การปลดล็อกศักยภาพความร่วมมือที่ไร้ขีดจำกัดระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ พร้อมย้ำถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือกับทรัมป์เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและรุ่งเรืองให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ถูกทรัมป์กำหนดเป้าหมายในเชิงมาตรการภาษีโดยตรงต่อการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เนื่องจากปัจจุบันปักกิ่งยังอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับวอชิงตัน แต่การถูกพาดพิงครั้งนี้ย่อมเพิ่มแรงกดดันและทำให้จีนต้องคำนวณทางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ยังบ่งชี้ถึงความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้นต่อความล้มเหลวในการหาข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้จะมีความพยายามทางการทูตมาเป็นเวลาหลายเดือน แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยอมสละดินแดนหรือการรับประกันด้านความมั่นคงหลังความขัดแย้ง