กูรูชี้ ทรัมป์แทรกแซงเฟดดุดันไม่เกรงใจใคร-ตลาดไทยหนีไม่พ้นแรงกระแทก

04 ก.ย. 2568 | 10:30 น.

BoE เตือน “วิกฤตศรัทธา” หากทรัมป์แทรกแซงเฟดจริง ชี้เสี่ยงทำลายเสถียรภาพการเงินโลก ด้านนักวิเคราะห์ไทยชี้กระทบการลงทุนทั่วโลก-ไทย

KEY

POINTS

  • โดนัลด์ ทรัมป์ กดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่างรุนแรงและไม่เคยมีมาก่อน เพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการแทรกแซงความเป็นอิสระที่อาจกระทบเสถียรภาพการเงินโลก
  • นักวิเคราะห์มองว่าการกระทำของทรัมป์ แม้จะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า
  • ตลาดไทยเลี่ยงผลกระทบไม่พ้น โดยช่วงแรกอาจได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้า แต่ท้ายที่สุดจะเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายการเงินสหรัฐฯ

การเผชิญหน้าระหว่างทำเนียบขาวกับ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำลังยกระดับสู่สถานการณ์ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบเสถียรภาพการเงินโลกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ากดดันอย่างหนักเพื่อให้เฟดลดดอกเบี้ย พร้อมเปิดศึกโจมตีส่วนตัวต่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ด้วยถ้อยคำรุนแรง รวมถึงการพยายามปลด ลิซ่า คุก กรรมการเฟดออกจากตำแหน่งท่ามกลางข้อกล่าวหาที่เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งและยืนยันต่อสู้ในศาล

 

ก่อนหน้านี้ แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ถึงขั้นออกโรงเตือนต่อคณะกรรมาธิการการคลังของสภาสามัญชน ว่านี่คือ “สถานการณ์ร้ายแรง” เพราะเฟดไม่ใช่แค่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ แต่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจโลก ความพยายามบ่อนทำลายความเป็นอิสระของเฟดจะพาประเทศเข้าสู่เส้นทางอันตราย กระทบตั้งแต่ค่าจำนอง ดอกเบี้ย ไปจนถึงความเชื่อมั่นในระบบการเงินสากล เขาย้ำว่าหน้าที่ของธนาคารกลางอิสระคือการสร้าง “รากฐานที่มั่นคง” ให้ผู้กำหนดนโยบายการเมืองตัดสินใจต่อยอด แต่หากรากฐานถูกทำลาย ผลกระทบจะรุนแรงเกินกว่าที่คาดคิด

แม้ความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีกับเฟดไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน แต่สิ่งที่ทรัมป์ทำกำลังถูกมองว่ารุนแรงและไม่เคยมีมาก่อน ทั้งการขู่ปลดประธานเฟด การแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้ามาในบอร์ดเพื่อโหวตเอื้อนโยบาย ไปจนถึงการพยายามใช้ข้อกล่าวหาเพื่อสั่นคลอนตำแหน่งกรรมการที่ไม่ลงรอยกับทำเนียบขาว ต่างสะท้อนถึงความพยายามที่จะทำให้เฟด “อยู่ใต้อาณัติทางการเมือง” ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเห็นตรงกันว่าเป็นความเสี่ยงร้ายแรงต่อระบบ

มิติประวัติศาสตร์ยังยืนยันว่า การเผชิญหน้ากับเฟดเคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ยุคแฮร์รี ทรูแมน ที่พยายามบังคับให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยช่วงสงคราม แต่สุดท้ายต้องถอยเพราะตลาดการเงินปั่นป่วนอย่างหนัก หรือในสมัยไอเซนฮาวร์ที่เลือกจะไม่ก้าวล่วงอำนาจเฟด แม้จะไม่เห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยในปีเลือกตั้งก็ตาม การเคารพความเป็นอิสระของเฟดกลายเป็นเส้นแบ่งที่ช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นระยะยาวให้สหรัฐฯ

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของเฟดอย่างใกล้ชิด เพราะความไม่แน่นอนทางนโยบายการเงินในสหรัฐฯ อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย ซึ่งต้องเผชิญกับความผันผวนของค่าเงินและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไม่แน่นอน

 

มุมมองจากนักวิเคราะห์ไทย

ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ให้ความเห็นว่า การแทรกแซงเฟดไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่ทรัมป์ทำครั้งนี้ถือว่ารุนแรงและดุดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะสามารถดึงคนของตัวเองเข้ามาในบอร์ดเฟดหลายตำแหน่ง หากเดินหน้าได้สำเร็จ อาจเปลี่ยนดุลการตัดสินใจของเฟดไปอย่างสิ้นเชิง และนำไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายตามแรงกดดันการเมือง

ในระยะสั้น ตลาดอาจตอบรับเชิงบวกจากดอกเบี้ยที่ถูกกดให้ต่ำลง ส่งผลให้หุ้น สินทรัพย์เสี่ยง ทองคำ และคริปโตฯ ได้แรงหนุน แต่ในระยะยาวความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสั่นคลอน ดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าหนัก และตลาดการเงินโลกเสี่ยงต่อภาวะปั่นป่วน นักลงทุนอาจมองว่าเศรษฐกิจอเมริกามีโอกาสถดถอยเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

สำหรับตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ผลกระทบย่อมเลี่ยงไม่ได้ โดยในช่วงแรกอาจได้อานิสงส์จากเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่ท้ายที่สุดเมื่อเงินเฟ้อพุ่งและความไม่แน่นอนกลับมา ภาพรวมการลงทุนก็จะเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประกิตมองว่ายังไม่เห็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดโลกกำลังเข้าสู่ขาลง เพียงแต่เป็น “สัญญาณเตือน” ให้นักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวัง และจับตาการตัดสินใจของเฟดกับการเคลื่อนไหวของทรัมป์อย่างใกล้ชิดในปีนี้