KEY
POINTS
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO กรุงเทพฯ) นำผู้ประกอบการญี่ปุ่น 12 บริษัทเข้าร่วมแสดงเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย ตั้งแต่ดิจิทัลเฮลท์ อุปกรณ์ดูแลผู้สูงอายุ ไปจนถึงเทคโนโลยีตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน ในงาน “Japan Pavilion by JETRO” ภายในมหกรรม Medical Fair Thailand 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ไบเทค บางนา
ยูกิ คามิเอสึ ที่ปรึกษาการลงทุนและผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมการลงทุน JETRO กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์กับ ฐานเศรษฐกิจ ถึงมุมมองเชิงลึกต่อโอกาสและอุปสรรคในตลาดไทย โดยชี้ว่า ไทยและญี่ปุ่นเผชิญโจทย์คล้ายกัน คือ “สังคมผู้สูงอายุ” และอัตราการเกิดลดลง แต่ไทยยังต้องรับมือกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างหลายด้าน เช่น กฎระเบียบการตรวจสอบและยืนยันผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่ซับซ้อนกว่า ระบบประกันสังคมที่ยังไม่ครอบคลุมการดูแลผู้สูงอายุ และบุคลากรการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุที่ขาดการฝึกอบรมเฉพาะทางเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น
ตลาดอุปกรณ์การแพทย์ของไทยยังเล็กเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น โดยมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งน้อยกว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกถึงเกือบ 7-8 เท่า โดยญี่ปุ่นมีมูลค่าตลาดราว 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และเติบโตเฉลี่ย 4.6% ต่อปี ขณะที่ไทยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าบ้างในช่วงหลัง เนื่องจากความต้องการเทคโนโลยีสุขภาพและอุปกรณ์ดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องเผชิญข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ระบบประกันสังคม และบุคลากรเฉพาะทาง ทำให้ตลาดไทยแม้เติบโตแต่ยังมีขนาดเล็กและมีความซับซ้อนในการเข้าถึงเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น
แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ ไทยยังถือเป็น “ประตูสู่ตลาดอาเซียน” จุดแข็งของไทยอยู่ที่วัฒนธรรมครอบครัวที่ลูกหลานยังคงมีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุ และความตื่นตัวด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังยุคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเทคโนโลยีดูแลสุขภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์เติบโตสูง สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ที่พยายามผลักดันให้ภาคการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
ในงานนี้ มีนวัตกรรมการแพทย์เด่นหลายอย่าง เช่น Finggallink พัฒนาเซ็นเซอร์เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร ตรวจวัดชีพจรและการหายใจโดยไม่ต้องติดอุปกรณ์กับร่างกาย, Archelis เปิดตัว Exoskeleton ช่วยศัลยแพทย์ยืน-นั่งระหว่างผ่าตัด ลดอาการปวดหลัง, และ LIFESCAPES โชว์ Brain-Computer Interface เชื่อมสมองกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยผู้ป่วยอัมพาตฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
ขณะเดียวกัน OG Wellness นำเสนอวีลแชร์อาบน้ำอัตโนมัติ “Sereno Chair-in” ลดภาระผู้ดูแลผู้สูงอายุ และ ORPHE เปิดตัวสายรัดเท้าอัจฉริยะสำหรับวิเคราะห์การเดิน ใช้ติดตามฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ เทคโนโลยีเหล่านี้สะท้อนการผสมผสานระหว่างคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และนวัตกรรมดิจิทัล ที่ญี่ปุ่นตั้งใจนำเข้ามาเจาะตลาดไทยและอาเซียน
บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งมองว่าไทยอาจเป็นตลาดเล็กเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจ แต่มีคุณค่าเชิงกลยุทธ์ เพราะหากสามารถวางรากฐานได้สำเร็จ ไทยจะทำหน้าที่เป็น “ด่านแรก” ในการต่อยอดไปยังอาเซียน ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้านการแพทย์และสุขภาพ
JETRO ย้ำบทบาทสำคัญในการเป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับบริษัทญี่ปุ่น ตั้งแต่ให้ข้อมูลกฎหมายและกฎระเบียบเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ สนับสนุนการจับคู่ธุรกิจแบบตัวต่อตัว ไปจนถึงดูแลนักลงทุนตั้งแต่ก้าวแรกจนสามารถขยายธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในไทยและภูมิภาคอาเซียน แผนงานเหล่านี้สะท้อนว่า แม้อุปสรรคในไทยจะมาก แต่ญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นว่าตลาดไทยคือประตูสู่ภูมิภาคสำหรับเทคโนโลยีการแพทย์ในอนาคต