กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศขยายเวลาการบังคับใช้ภาษีป้องกันการทุ่มตลาด (Anti-Dumping Duties) สำหรับการนำเข้า สารฟีนอล (Phenol) จากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศไทย ต่อไปอีก 5 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากจีนได้ทบทวนมาตรการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ตามคำร้องขอของผู้ประกอบการภายในประเทศ
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากข้อกังวลว่าหากจีนยกเลิกมาตรการ อาจทำให้การทุ่มตลาดของประเทศผู้ส่งออกเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปหรือกลับมาใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการพัฒนาอุตสาหกรรมฟีนอลภายในประเทศจีน
ฟีนอลจัดเป็นวัตถุดิบอินทรีย์ที่มีความสำคัญสูงในอุตสาหกรรมเคมี ถูกนำมาใช้ผลิตวัสดุอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ทั้งใยสังเคราะห์ พลาสติก ยา ยาฆ่าแมลง น้ำหอม สี เคลือบ และการกลั่นน้ำมัน ทำให้ตลาดจีนซึ่งเป็นผู้ใช้รายใหญ่มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางราคาและการค้าในระดับโลก
สำหรับประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ผู้ส่งออกจากประเทศเหล่านี้ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีป้องกันการทุ่มตลาด ซึ่งลดทอนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดจีน อาจทำให้ปริมาณการส่งออกลดลงและสร้างแรงกดดันให้ต้องหาตลาดใหม่หรือปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อลดต้นทุน
ในส่วนของประเทศไทย ผลกระทบค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากจีนยังคงเรียกเก็บภาษีจากผู้ส่งออกไทยต่อไป โดยข้อมูลจากปี 2562 ระบุว่า บริษัท พีทีที ฟีนอล ต้องเสียภาษีในอัตรา 10.6% ขณะที่ผู้ส่งออกรายอื่นอาจเผชิญภาษีสูงถึง 28.6% การขยายเวลาครั้งนี้จึงหมายถึงการเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดจีน
ผลที่ตามมาอาจรวมถึงรายได้การส่งออกที่หดตัว หากจีนหันไปเลือกซื้อจากผู้ผลิตในประเทศหรือประเทศอื่นที่ไม่ถูกเก็บภาษี ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญแรงกดดันด้านราคาที่อาจบีบให้ต้องลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด หรือหันไปเพิ่มมูลค่าผ่านคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย อีกทั้งยังอาจเป็นแรงผลักดันให้ผู้ส่งออกไทยต้องขยายตลาดใหม่ ๆ แทนการพึ่งพาตลาดจีนเพียงอย่างเดียว