ดีลยักษ์สหรัฐ-เกาหลีใต้ 'อี แจ-มยอง' พบทรัมป์ ลงทุน 5 ล้านล้าน แลกหยุดภาษี

26 ส.ค. 2568 | 09:27 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2568 | 13:04 น.

เกาหลีใต้ทุ่มเงิน 5 ล้านล้านบาทลงทุนสหรัฐ ครอบคลุมชิป ยานยนต์ อวกาศ พลังงานนิวเคลียร์–LNG พร้อม MOU กองทุน 350,000 ล้านดอลลาร์ แลกหยุดภาษีทรัมป์

การพบกันครั้งแรกระหว่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ กลายเป็นเวทีสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายใช้ประกาศ “ดีลยักษ์” มูลค่ามหาศาลกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5 ล้านล้านบาท เพื่อเสริมแกร่งสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดทั้งในเอเชียและมหาอำนาจ

การลงทุนครั้งนี้ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ตั้งแต่ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ ชีววิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมต่อเรือ พลังงานนิวเคลียร์ ไปจนถึงพลังงานสะอาดและแร่ธาตุสำคัญ โดยสภาธุรกิจเกาหลีใต้ยืนยันว่าเป็นการขยายฐานลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่าหกเท่าของปีที่ผ่านมา ทั้งยังเชื่อมโยงกับโครงการใหญ่ที่เคยประกาศแล้ว เช่น โรงงานชิปของซัมซุงในเท็กซัส และโรงงานผลิตรถยนต์ของฮุนไดในจอร์เจีย

ด้านอุตสาหกรรมการบิน Korean Air ประกาศซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 103 ลำ มูลค่า 36,200 ล้านดอลลาร์ พร้อมเซ็นสัญญา 13,700 ล้านดอลลาร์กับ GE Aerospace ถือเป็นคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสายการบิน ขณะที่ Hyundai Motor Group เพิ่มงบลงทุนในสหรัฐฯ จาก 21,000 ล้านดอลลาร์เป็น 26,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2025-2028 ครอบคลุมการสร้างโรงถลุงเหล็กในรัฐลุยเซียนา และขยายฐานผลิตรถยนต์

ฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศ

สหรัฐฯ ยังใช้เวทีนี้หารือเรื่องการฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศ โดยมี HD Hyundai จับมือธนาคารพัฒนาเกาหลี และ Cerberus Capital ตั้งกองทุนร่วมลงทุนเพื่อยกระดับศักยภาพการต่อเรือ ขณะที่ Samsung Heavy Industries ลงนามความร่วมมือกับ Vigor Marine Group ดูแลการซ่อมบำรุงและสร้างเรือสนับสนุนกองทัพเรือสหรัฐฯ

ด้านภาคพลังงาน Korea Gas Corp เซ็นสัญญาระยะยาวนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ ปีละ 3.3 ล้านตัน เป็นเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2028 ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ Korea Hydro & Nuclear Power (KHNP) และ Doosan Enerbility จับมือกับบริษัทสหรัฐฯ อย่าง X-energy และ Amazon Web Services ในการพัฒนา Small Modular Reactor (SMR) และห่วงโซ่อุปทานนิวเคลียร์ พร้อมขยายความร่วมมือกับ Fermi America และ Centrus เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในเท็กซัส

บรรลุข้อตกลง “กองทุน 350,000 ล้านดอลลาร์”

ขณะเดียวกัน Korea Zinc ลงนามข้อตกลงกับ Lockheed Martin ในการจัดหาธาตุเจอร์เมเนียมและโลหะหายาก เสริมความมั่นคงห่วงโซ่อุปทานด้านแร่ยุทธศาสตร์

นอกจากการลงทุน 150,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับ “กองทุน 350,000 ล้านดอลลาร์” ที่โซลเสนอไว้ก่อนหน้านี้เพื่อแลกกับการลดภาษีสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ แม้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน แต่ถือเป็น “แพ็กเกจการเงิน” ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างแบตเตอรี่ แร่สำคัญ ชิป และคอมพิวเตอร์ควอนตัม

แม้การเจรจาจะเริ่มต้นด้วยแรงกดดัน เมื่อทรัมป์โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียพาดพิงการเมืองภายในเกาหลีใต้ แต่การหารือในห้องทำงานรูปไข่กลับเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสองฝ่ายต่างยกย่องกันและกัน และแสดงท่าทีเป็นมิตร แตกต่างจากเหตุการณ์ที่ผู้นำยูเครนเคยเผชิญเมื่อถูกทรัมป์ตำหนิอย่างรุนแรง

ประธานาธิบดีอี ยอมรับว่าได้เตรียมใจรับมือ “สถานการณ์แบบเซเลนสกี” แต่กลับพบว่าทรัมป์เลือกใช้แนวทางที่ยืดหยุ่นกว่า โดยท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายเน้นการสร้างบรรยากาศบวกมากกว่าการเปิดศึกประเด็นการเมืองหรือความมั่นคงที่อ่อนไหว

อย่างไรก็ดี ยังมีคำถามเกี่ยวกับการแบ่งภาระค่าใช้จ่ายทหารสหรัฐฯ 28,500 นายในเกาหลีใต้ รวมถึงรายละเอียดข้อตกลงภาษีที่ยังไม่ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่ประเด็นสำคัญอย่างการอนุญาตให้เกาหลีใต้รีไซเคิลเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หรือการแก้กฎหมายอุตสาหกรรมต่อเรือสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน

อี แจ-มยอง ระบุว่าทั้งเขาและทรัมป์เห็นพ้องในการ “ปรับปรุงความเป็นพันธมิตรให้ทันสมัย” โดยเกาหลีใต้จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อยกระดับกองทัพสู่ “สมาร์ตมิลิทารี” ที่พร้อมต่อสู้ในสงครามอนาคต