KEY
POINTS
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดลงสู่โครงการนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งของอิหร่าน ส่งผลให้ห้วงเวลานี้โลกเต็มไปด้วยความตึงเครียด และจับตาดูว่าอิหร่านจะเลือกโต้กลับอย่างไร
การที่สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้ อาจส่งผลให้อิหร่าน โจมตีกองกำลังอเมริกันในภูมิภาค ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีการคาดการณ์ โดยก่อนหน้ากองกำลังของสหรัฐก็เคยตกเป็นเป้าของกองกำลังที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของอิหร่านในระหว่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส
สหรัฐ มีกำลังทหารหลายพันนายที่ประจำอยู่ในฐานทัพทั่วตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กองกำลังของวอชิงตันได้ดำเนินปฏิบัติการทางทหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีกำลังทหารหลายพันนายที่ประจำอยู่ในฐานทัพทั่วตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กองกำลังของวอชิงตันได้ดำเนินปฏิบัติการทางทหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
มีกำลังทหารจำนวนมากในตะวันออกกลาง ดำเนินการมานานหลายสิบปี ตั้งฐานทัพกว่า 19 แห่ง โดยมีทหารเกือบ 40,000 นายในภูมิภาคนี้ พร้อมด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ เครื่องบินรบ และเรือรบ ซึ่งสามารถตรวจจับและยิงสกัดขีปนาวุธของศัตรูได้
ด้านล่างนี้ AFP สำรวจประเทศต่าง ๆ ที่มีกองกำลังสหรัฐฯ รวมตัวกันอย่างหนาแน่นในตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ
อาณาจักรเล็ก ๆ แห่งอ่าวเปอร์เซียเป็นที่ตั้งของฐานที่รู้จักกันในชื่อ Naval Support Activity Bahrain ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการกลางกองทัพเรือสหรัฐฯ
ท่าเรือน้ำลึกของบาห์เรนสามารถรองรับเรือรบขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้ เช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน โดยสหรัฐฯ ใช้ฐานแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1948 ซึ่งในตอนนั้นอยู่ภายใต้การดำเนินงานของกองทัพเรือหลวงอังกฤษ
เรือหลายลำของสหรัฐฯ มีท่าจอดถาวรในบาห์เรน รวมถึงเรือกวาดทุ่นระเบิด 4 ลำ และเรือสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ 2 ลำ นอกจากนี้ หน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ ยังมีเรือประจำการอยู่ในประเทศด้วย รวมถึงเรือตอบสนองฉุกเฉินความเร็วสูง 6 ลำ
อิรัก
สหรัฐฯ มีทหารประจำการตามฐานต่าง ๆ ในอิรัก เช่น ฐานทัพอากาศ Al-Asad และ Arbil
รัฐบาลอิรักถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิหร่าน แต่ก็เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของเตหะราน
มีทหารอเมริกันราว 2,500 นายในอิรักในฐานะส่วนหนึ่งของพันธมิตรนานาชาติในการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)
แบกแดดและวอชิงตันได้ตกลงกำหนดกรอบเวลาในการถอนกำลังของพันธมิตรออกจากประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
กองกำลังของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนอิหร่าน หลังจากเกิดสงครามกาซาในเดือนตุลาคม 2023 ในตอนนั้นกลุ่มฮามาสที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลตอนใต้จนมีผู้เสียชีวิต 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
สหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการโจมตีหนักใส่เป้าหมายที่เชื่อมโยงกับเตหะราน และการโจมตีต่อฐานทัพสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ก็ได้ยุติลงในเวลาต่อมา
คูเวต
คูเวตมีฐานทัพของสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึง Camp Arifjan ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการส่วนหน้าของกองทัพบกสหรัฐฯ ใน CENTCOM กองทัพบกสหรัฐฯ ยังเก็บยุทโธปกรณ์ล่วงหน้าไว้ในประเทศนี้ด้วย
ฐานทัพอากาศ Ali al-Salem เป็นที่ตั้งของหน่วยบินที่ 386 ซึ่งทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลางการลำเลียงทางอากาศและประตูส่งพลังการรบให้กับกองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค” นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีโดรนประจำการที่นี่ รวมถึง MQ-9 Reaper
กาตาร์
ฐานทัพอากาศ Al Udeid ในกาตาร์ เป็นที่ตั้งของหน่วยงานส่วนหน้าของ CENTCOM รวมถึงกองกำลังทางอากาศและกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
ฐานแห่งนี้ยังรองรับเครื่องบินรบที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันประจำการ และเป็นที่ตั้งของหน่วยบินที่ 379 ซึ่งมีภารกิจรวมถึง “การลำเลียงทางอากาศ การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ ข่าวกรอง การลาดตระเวน และการอพยพทางการแพทย์ทางอากาศ”
ซีเรีย
หลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีทหารประจำการตามฐานต่าง ๆ ในซีเรีย เพื่อสนับสนุนความพยายามนานาชาติในการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)
ซึ่งถือกำเนิดจากสงครามกลางเมืองในประเทศ และเข้ายึดพื้นที่ขนาดใหญ่ของซีเรียและอิรัก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนเมษายนว่าจะลดจำนวนทหารในซีเรียลงครึ่งหนึ่ง เหลือน้อยกว่า 1,000 นายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ “การรวมกำลัง”
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ฐานทัพอากาศ Al Dhafra ในยูเออี เป็นที่ตั้งของหน่วยบินที่ 380 ซึ่งประกอบด้วยฝูงบิน 10 หน่วย และยังมีโดรนประจำการ เช่น MQ-9 Reaper
เครื่องบินรบของสหรัฐฯ มีการผลัดเปลี่ยนประจำการที่ Al Dhafra ซึ่งยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ฝึกป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ Gulf Air Warfare Center
อิสราเอลโจมตีอิหร่าน
อิสราเอลระบุว่า การโจมตีครั้งใหญ่ต่อผู้นำกองทัพระดับสูง นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ สถานที่เสริมสมรรถนะยูเรเนียม และโครงการขีปนาวุธของอิหร่านที่เปิดฉากเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้เดินหน้าตามแผนที่ประกาศไว้ว่าจะลบล้างรัฐยิว
ขณะที่อิหร่านยืนกรานมาโดยตลอดว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์เพื่อสันติเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์เพียงประเทศเดียวที่เสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้ถึงระดับ 60% ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนทางเทคนิคสั้น ๆ ก่อนจะถึงระดับที่สามารถผลิตอาวุธได้ที่ 90%