KEY
POINTS
ด้วยการที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง การประชุม G7 สัปดาห์นี้จึงคาดว่าจะตึงเครียด หลังจากที่เขาเคยเดินออกจากการประชุมในปี 2018
บรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ พบกันที่เมืองคานานาสกิส รัฐแอลเบอร์ตา ซึ่งเป็นเมืองห่างไกลที่ตั้งอยู่เชิงเขาของเทือกเขาร็อกกี้ในแคนาดา เพื่อหารือกันเป็นเวลา 3 วันอย่างเข้มข้น
นี่จะเป็นการประชุมสุดยอด G7 ครั้งที่ 51 โดยครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1975 ที่เมืองรัมบูเย ประเทศฝรั่งเศส ขณะนั้นยังเป็นการประชุม G6 เนื่องจากแคนาดายังไม่ได้เป็นสมาชิกจนกระทั่งในปีถัดมา
รัสเซียเข้าร่วมเวทีในปี 1998 ทำให้กลายเป็น G8 แต่ถูกขับออกอย่างเป็นทางการในปี 2014 ภายหลังจากการผนวกไครเมีย ตั้งแต่นั้นมา เวทีนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ G7
การประชุมปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 มิถุนายน การหารืออย่างเข้มข้นคาดว่าจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ที่กำลังคลี่คลายในตะวันออกกลาง หลังจากที่อิสราเอลโจมตีเป้าหมายทางทหารและนิวเคลียร์ในอิหร่านอย่างหนักในวันศุกร์ที่ผ่านมา
การประชุมปีนี้ยังเกิดขึ้นในบริบทของภาษีการค้ารุนแรงที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศใช้ และจากนั้นได้ระงับไว้สำหรับทุกประเทศ ยกเว้นจีน ซึ่งขณะนี้ได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ แล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ก็อาจยังไม่หายสะเทือนใจกับคำพูดของทรัมป์ที่ว่าแคนาดาควรกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม คาร์นีย์กล่าวระหว่างการพบปะกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวว่า
แคนาดาไม่เคยมีไว้ขาย...และจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้น
กลุ่ม G7 คิดเป็น 44% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลก แต่มีประชากรเพียง 10% ของโลก ในกลุ่มนี้ สหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดโดยห่างจากประเทศอื่น ๆ ทรัมป์มักแสดงความไม่พอใจว่า สหรัฐฯ ต้องแบกรับภาระในกิจการระหว่างประเทศมากเกินไป
ในการประชุมสุดยอด G7 ครั้งล่าสุดที่ทรัมป์เข้าร่วมในปี 2018 ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเขา จอห์น โบลตัน โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า
ก็แค่ G7 อีกครั้งที่ประเทศอื่น ๆ คาดหวังว่าสหรัฐฯ จะเป็นธนาคารให้พวกเขาตลอดไป ประธานาธิบดีได้กล่าวชัดเจนในวันนี้ว่า ไม่อีกต่อไปแล้ว
แคนาดา เป็นเจ้าภาพการประชุม G7 ในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ที่แคนาดารับหน้าที่ประธานกลุ่ม นอกเหนือจากผู้นำประเทศสมาชิก G7 และสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีตัวแทนเข้าร่วมการประชุมด้วยแล้ว นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ของแคนาดายังได้เชิญผู้นำรัฐจากประเทศนอกกลุ่ม G7 บางรายให้เข้าร่วมในฐานะแขกพิเศษด้วย
ในจำนวนนั้นรวมถึง ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม (Claudia Sheinbaum) ซึ่งยืนยันการเข้าร่วม หลังจากเคยกล่าวในเดือนพฤษภาคมว่า ยังไม่ตัดสินใจ และนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ก็ได้รับเชิญเช่นกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะเข้าร่วมหรือไม่
คำเชิญที่มอบให้นายกรัฐมนตรีโมดีได้สร้างความแปลกใจในแคนาดา
ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับแคนาดาตึงเครียดตั้งแต่นายกรัฐมนตรีคนก่อนของแคนาดา จัสติน ทรูโด กล่าวหาอินเดียว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ในแคนาดาเมื่อปี 2023
อย่างไรก็ดี คาร์นีย์ซึ่งพยายามกระจายการค้าของแคนาดาให้พึ่งพาสหรัฐฯ น้อยลง ได้ออกมาปกป้องการตัดสินใจของเขา โดยกล่าวว่า การเชิญอินเดียมีเหตุผล เนื่องจากอินเดียเป็นเศรษฐกิจอันดับ 5 ของโลก และมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกจำนวนมาก
นอกจากนี้ เราได้บรรลุข้อตกลงระดับทวิภาคีในประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะความร่วมมือในการเจรจาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สะท้อนการยอมรับปัญหาด้านความรับผิดชอบ ผมจึงได้เชิญนายกรัฐมนตรีโมดีภายใต้บริบทนั้น
เมื่อเดือนมีนาคม คาร์นีย์ยังได้เชิญ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ให้เข้าร่วมการประชุมในสัปดาห์นี้ด้วย
ผู้นำจากออสเตรเลีย บราซิล อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ และเกาหลีใต้ ก็คาดว่าจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
จะมีการหารือเรื่องภาษีการค้าของสหรัฐฯ หรือไม่
ระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ได้กำหนดภาษีการค้าในวงกว้างต่อประเทศสมาชิก G7 ทุกประเทศ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดสงครามการค้าในระดับโลก ทรัมป์ระบุว่าเขาต้องการลดการขาดดุลการค้าขนาดใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่น
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ประเด็นนี้ไม่น่าจะถูกหยิบยกขึ้นหารืออย่างเป็นทางการในการประชุม G7 เนื่องจากคาร์นีย์มุ่งพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกันด้านการค้าระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งหลายประเทศยังคงเร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ
สหราชอาณาจักรได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าแรกกับสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม โดยตกลงลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ จาก 5.1% เหลือ 1.8% และเปิดตลาดให้กับสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีที่สูงขึ้น เหลือไว้เพียงภาษี 10% แบบครอบคลุมทุกประเทศเท่านั้น
ทั้งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นต่างก็หวังที่จะบรรลุข้อตกลงของตนเองให้ได้ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลา 90 วันของการหยุดชั่วคราวมาตรการตอบโต้ภาษีของทรัมป์
ทรัมป์เองก็มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับ G7 ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และได้ออกจากการประชุมสุดยอด G7 ปี 2018 ซึ่งจัดที่แคนาดาเช่นกัน ด้วยอารมณ์ไม่พอใจ เมื่อสิ้นสุดการประชุมซึ่งหลายฝ่ายมองว่าประสบความสำเร็จ
ทรัมป์ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่าเขาสั่งทีมงานไม่ให้ลงนามในถ้อยแถลงร่วม ซึ่งเป็นแถลงการณ์ที่ประเทศสมาชิก G7 ใช้ออกแสดงจุดยืนร่วมกันเมื่อจบการประชุม และเรียกนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาในขณะนั้นว่า ไม่ซื่อสัตย์และอ่อนแอมาก
จอห์น เคียร์ตัน จากกลุ่มวิจัย G7 แห่งมหาวิทยาลัยโตรอนโต กล่าวว่า ปีนี้ทรัมป์มีแนวโน้มจะไม่ก่อเรื่อง เขากล่าวกับช่อง NDTV World ของอินเดียว่า คาร์นีย์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์มากกว่า และระบุว่าสหรัฐฯ มีกำหนดเป็นเจ้าภาพ G7 ในปี 2027
เขาไม่อยากฆ่าห่านทองคำแห่ง G7 ก่อนที่เขาจะได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกในอีก 2 ปีข้างหน้า
แล้วอะไรอยู่ในวาระการหารือของการประชุม G7 ปีนี้
เว็บไซต์การประชุมสุดยอด G7 ปี 2025 ระบุว่า มีประเด็นหลัก 3 ข้อในวาระการหารือปีนี้ ได้แก่ การปกป้องชุมชนของเราทั่วโลก การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การสร้างความมั่นคงของหุ้นส่วนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำ G7 มีแนวโน้มจะให้ความสนใจกับความขัดแย้งที่กำลังปะทุระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเป็นพิเศษ
หากประเด็นดังกล่าวไม่กลายเป็นหัวข้อหลักแต่เพียงอย่างเดียว หัวข้ออื่น ๆ ที่อาจได้รับความสำคัญในการประชุมสุดยอด G7 ปีนี้ ได้แก่ ปัญหาการค้าระหว่างประเทศ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และประเด็นเกี่ยวกับจีน
วิกฤตอิสราเอล อิหร่าน
จูเลีย คูลิก ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ของกลุ่มวิจัย G7 แห่งวิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยโตรอนโต กล่าวว่า การสนทนาเกี่ยวกับสันติภาพโลกซึ่งเดิมทีจะมุ่งเน้นที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา อาจจะเปลี่ยนทิศทางไปที่อิหร่านแทน
คูลิก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Al Jazeera ว่า จะมีคำถามยาก ๆ จากผู้นำคนอื่น ๆ บนโต๊ะประชุมถึงโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่ผิดพลาดไปในการเจรจา และเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะทำเพื่อกดดันให้อิสราเอลลดความตึงเครียดก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่านี้
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า G7 ถูกออกแบบมาให้เป็นกลุ่มตอบสนองต่อวิกฤตที่สามารถลงมือและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อความท้าทายระหว่างประเทศ ดังนั้นในแง่หนึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่พวกเขาได้พบกันสุดสัปดาห์นี้ เพราะจะสามารถตอบสนองได้ทันท่วงที
โรเบิร์ต โรโกวสกี ศาสตราจารย์ด้านการค้าและการทูตเศรษฐกิจที่สถาบันการศึกษานานาชาติมิดเดิลเบอรี กล่าวว่า ไม่มีทางที่สมาชิก G7 จะหลีกเลี่ยงประเด็นวิกฤตในตะวันออกกลางครั้งล่าสุดได้
การโจมตี การตอบโต้ และคำประกาศของสหรัฐฯ ที่ระบุว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการโจมตีเป้าหมายของสหรัฐฯ ล้วนเป็นสิ่งที่จะถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นแรกในการหารือ เพราะสถานการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง ประเทศข้างเคียงหลัก ๆ จะต้องตัดสินใจว่าพวกเขาจะอยู่ฝ่ายใด
การค้าระหว่างประเทศ
แม้ว่าคาร์นีย์จะหวังให้การหารือเน้นไปที่ประเด็นที่ไม่มีความขัดแย้ง เช่น การสร้างห่วงโซ่อุปทานโลกที่เป็นมิตรขึ้นสำหรับแร่ธาตุสำคัญ แต่ประเด็นจีนก็อาจกลายเป็นหัวข้อสำคัญในการพูดคุยด้วย
ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีคลัง G7 ที่จัดขึ้นในแคนาดาเมื่อเดือนพฤษภาคม กลุ่ม G7 ได้ออกถ้อยแถลงร่วม ระบุว่าพวกเขาจะยังคงจับตานโยบายและแนวปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งส่งผลต่อความไม่สมดุลในระบบการค้าระหว่างประเทศ ถ้อยแถลงไม่ได้เอ่ยถึงจีนโดยตรง แต่นโยบายที่ไม่เป็นไปตามกลไกตลาดมักหมายถึงการอุดหนุนการส่งออกและนโยบายด้านค่าเงิน ซึ่งรัฐบาลทรัมป์มองว่าให้ข้อได้เปรียบในการค้าโลก
ถ้อยแถลงดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าไปที่แนวทางการค้าของจีนโดยเฉพาะ โดยเฉพาะนโยบายปล่อยกู้ ที่หลายฝ่ายมองว่าสร้างภาระหนี้ให้กับประเทศยากจน
บรรดาผู้นำ G7 ยังคาดว่าจะหารือกันเกี่ยวกับความกังวลต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับไต้หวันในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงการขยายอิทธิพลทางทหารของจีนในภูมิภาคดังกล่าว
สงครามรัสเซีย ยูเครน
ถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศ G7 ภายหลังการประชุมก่อนหน้าในเดือนมีนาคมที่เมืองควิเบก แสดงการสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อยูเครน โดยระบุว่า รัฐมนตรีคลังได้ หารือเกี่ยวกับการกำหนดต้นทุนเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หากรัซเซียไม่ยอมตกลงหยุดยิง
สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ในเดือนพฤษภาคม แต่ทรัมป์ ซึ่งได้เปิดการเจรจากับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่ดำเนินการตามแนวทางเดียวกัน ดังนั้น มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก็อาจกลายเป็นหัวข้อสำคัญในการหารือของสัปดาห์นี้เช่นกัน
การพัฒนาระดับโลก อาจเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งได้
การพัฒนาระดับโลก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา เป็นหัวข้อสำคัญมายาวนานของการประชุม G7 แต่ปีนี้ สหรัฐฯ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการลดลำดับความสำคัญของความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและมนุษยธรรมต่อประเทศอื่น
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ได้ปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) เป็นส่วนใหญ่ และประกาศแผนตัดงบประมาณจำนวนมากต่อโครงการด้านสุขภาพและการพัฒนาระหว่างประเทศอื่น ๆ
การประชุมนอกรอบในการประชุมสุดยอด G7 มีอะไรบ้าง
สหรัฐฯ -สหภาพยุโรป
โดนัลด์ ทรัมป์คาดว่าจะหารือกับ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเกรุ อิชิบะ ทั้งสองผู้นำต้องการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับทรัมป์ให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีตอบโต้ที่กำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังหมดระยะเวลาผ่อนปรนในต้นเดือนกรกฎาคม
สหรัฐฯ -แคนาดา -เม็กซิโก
อาจจัดการประชุมแยกเฉพาะของผู้นำทวีปอเมริกาเหนือ ว่าด้วยประเด็นการค้าและความมั่นคงชายแดน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปในนาทีสุดท้าย จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาในขณะนั้น และไชน์บาว์ม ต่างเห็นพ้องที่จะเพิ่มความเข้มงวดด้านความมั่นคงชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติดและผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ จึงหลีกเลี่ยงสงครามการค้าไว้ได้ ทรัมป์ระบุว่า เขากังวลเป็นพิเศษต่อการไหลเข้าของยาเฟนทานิลจากแคนาดาและเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ
สหรัฐฯ - แอฟริกาใต้
ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ระบุว่า จะพบกับทรัมป์เป็นครั้งที่สองในระหว่างการประชุมสุดยอด G7 ครั้งนี้ หลังจากที่ทั้งสองพบกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม โดยที่ทรัมป์กล่าวหาแอฟริกาใต้ว่ากระทำ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ต่อเกษตรกรผิวขาว
ก่อนหน้านั้น ในต้นเดือนพฤษภาคม มีชาวผิวขาวจำนวน 59 คนซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้ลี้ภัย ถูกส่งตัวจากแอฟริกาใต้มายังสหรัฐฯ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการย้ายถิ่นฐานสำหรับชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลทรัมป์
อ้างอิง