อิหร่าน-สหรัฐฯ ยุติเจรจานิวเคลียร์วันนี้ หลังอิสราเอลถล่มเตหะราน

15 มิ.ย. 2568 | 05:03 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2568 | 05:06 น.

การเจรจานิวเคลียร์รอบที่ 6 ระหว่างอิหร่าน-สหรัฐฯ ณ กรุงมัสกัตถูกยกเลิก หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีกรุงเตหะรานและโรงงานนิวเคลียร์ ด้านอิหร่านตอบโต้ทันควัน ยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล ส่อเค้าสงครามขยายวง

การเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ซึ่งมีเป้าหมายในการลดความตึงเครียดและฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับเดิม (JCPOA) ต้องสะดุดลงอย่างฉับพลัน หลังเกิดเหตุการณ์ทางทหารที่อาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง

เมื่ออิสราเอลตัดสินใจเปิดฉากโจมตีฐานทัพและโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน สร้างแรงสะเทือนในระดับที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อโต๊ะเจรจาได้อีกต่อไป

การเปิดเผยจากซัยยิด บาดร์ บิน ฮามัด บิน ฮามูด อัลบูไซดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโอมาน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ยืนยันว่า การเจรจานิวเคลียร์ทางอ้อมรอบที่ 6 ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ 

โดยไม่ได้ระบุว่าจะมีการเลื่อนออกไปหรือยุติลงโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ย้ำว่าการเจรจายังเป็น “หนทางเดียว” สู่สันติภาพที่ยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ความหวังที่ริบหรี่ของโลกในช่วงเวลานี้ยิ่งหม่นลง เมื่อสถานการณ์ภาคสนามตอกย้ำว่า “คำพูดของผู้นำ” อาจไม่ทันการณ์ในเกมแห่งอาวุธและความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่จริง

เช้าวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน กลุ่มเครื่องบินรบของอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่กรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน รวมถึงเป้าหมายทางทหารหลายจุดทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงงานนิวเคลียร์และศูนย์พัฒนาขีปนาวุธ 

ซึ่งอิสราเอลระบุว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตน การโจมตีครั้งนี้ได้จุดประกายปฏิกิริยาตอบโต้แบบทันควันจากเตหะราน โดยในค่ำวันเดียวกัน อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธจำนวนมากเข้าใส่เป้าหมายทางทหารในอิสราเอล เพื่อแสดงแสนยานุภาพและส่งสารว่า “จะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป”

ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ซัยยิด อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ได้หารือทางโทรศัพท์กับคายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป พร้อมเน้นย้ำว่า ท่ามกลาง “ความโหดร้ายอย่างต่อเนื่อง” ที่อิสราเอลก่อขึ้น การเจรจาทางอ้อมกับสหรัฐฯ จึงไม่สมเหตุสมผลและไม่อาจดำเนินต่อไปได้

สัญญาณจากฝ่ายอิหร่านยังสะท้อนชัดผ่านแถลงการณ์ของเอสมาอีล บากาอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน “จุดสนใจหลักของเราคือการเผชิญหน้ากับการรุกรานของศัตรู” ซึ่งบ่งชี้ถึงการเลื่อนเป้าหมายจากการเจรจาทางการทูตไปสู่การเตรียมพร้อมในมิติเชิงยุทธศาสตร์และการทหาร

ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โอมานได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่สำคัญในการฟื้นฟูช่องทางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยได้จัดการเจรจาทางอ้อมมาแล้วถึง 5 รอบ ทั้งในกรุงมัสกัตและกรุงโรม ครอบคลุมประเด็นหลักคือการจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การโจมตีในครั้งนี้ได้เปลี่ยนเกมการเมืองระหว่างประเทศให้กลับไปสู่จุดวิกฤติอีกครั้ง

ในบริบทโลกที่เศรษฐกิจเปราะบางและราคาน้ำมันผันผวน การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอาจส่งผลต่อห่วงโซ่พลังงานโลกและจุดชนวนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่ยังรวมถึงประเทศผู้บริโภคพลังงานอย่างไทยและเพื่อนบ้านในเอเชีย