"สงครามอิหร่าน-อิสราเอล” ทุบซ้ำ ศก.โลก น้ำมันดิบเสี่ยงพุ่ง 90 ดอลลาร์ ทองแตะ 6.5 หมื่น

14 มิ.ย. 2568 | 08:50 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2568 | 12:40 น.

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้สถานการณ์อิสราเอล-อิหร่านส่อร้อนแรง ยืดเยื้อกระทบราคาน้ำมันทะลุ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดันเงินเฟ้อ-ค่าขนส่ง-ต้นทุนสินค้าพุ่ง ทองคำไทยมีโอกาสแตะบาทละ 65,000 บาท ขณะเศรษฐกิจโลกปีนี้อาจชะลอเหลือโตเพียง 2.1% จีดีพีไทยหดเหลือ 1%

วันที่ 13 มิถุนายน 2568  อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ในเมืองอิสฟาฮานของอิหร่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพและโรงงานนิวเคลียร์สำคัญ  และวันที่ 14 มิถุนายนล่าสุด อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธกว่า 100 ลูกไปยังกรุงเทลอาวีฟและเยรูซาเลมของอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 30 คน

  • ปฏิกิริยานานาชาติ

จีน : ประณามการโจมตีของอิสราเอลว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของอิหร่าน และเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น

ซาอุดีอาระเบีย : ประณามการโจมตีของอิสราเอลว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้สหประชาชาติรับผิดชอบในการยับยั้งการโจมตีซ้ำ ๆ

สหรัฐอเมริกา :  ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีของอิสราเอล

ขณะที่กองทัพอิสราเอลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ พร้อมเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อรับมือกับการโจมตีจากอิหร่าน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เตือนว่า อิหร่านอาจเปิดการโจมตีหลายระลอก และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สถานการณ์ดังกล่าวยังคงมีความตึงเครียดสูง และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางและเศรษฐกิจโลก

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ว่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับ 52,500 บาทต่อบาททองคำ(สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำในประเทศวันที่ 14 มิ.ย. 2568 ทองคำแท่งและทองรูปพรรณขายออกที่ระดับบาทละ 52,550-53,350 บาท และราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 52,450 บาท และราคาทองในตลาดโลก อ้างอิงตลาดลอนดอนอยู่ที่ 3,435 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์)  

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อและเลวร้าย มีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำในประเทศจะพุ่งสูงถึง 60,000-65,000 บาทต่อบาททองคำ ตามราคาตลาดโลกที่อาจทะยานขึ้นแตะ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ดร.อัทธ์ ระบุว่า สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากการตอบโต้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเท่านั้น แต่ยังผนวกกับความไม่สงบภายในสหรัฐฯ จากการประท้วงผู้อพยพในหลายเมือง อาทิ ลอสแอนเจลิสและนิวยอร์ก ซึ่งยิ่งซ้ำเติมความไม่มั่นใจในตลาดโลก และทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางอ่อนค่า ขณะที่เงินหยวนและเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า

“รอบนี้อิสราเอลโจมตีหนัก อิหร่านแม้มีแนวโน้มตอบโต้ แต่ในเชิงยุทธศาสตร์และอาวุธ อาจเป็นเพียงการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกขวัญกำลังใจมากกว่า เพราะอิหร่านต่อกรทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ โดยไม่มีประเทศใหญ่อยู่ข้างเลย” ดร.อัทธ์ กล่าว

สำหรับฉากทัศน์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน กรณีฉากทัศน์ที่เลวร้าย มองว่า สถานการณ์จะยืดเยื้ออย่างน้อย 1-2 เดือน และหากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญกว่า 20% ของโลก ราคาน้ำมันดิบอาจทะยานสู่ระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (จากราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 74.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้น 4.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อยู่ที่ 72.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.94 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังอิสราเอล-อิหร่านเปิดฉากตอบโต้กันรอบใหม่) และจะกระทบเส้นทางโลจิสติกส์ผ่านทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มฮูตี ทำให้ต้นทุนขนส่งสินค้าไปยุโรปและตลาดโลกอาจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20%

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน

“หากเป็นเช่นนั้น เศรษฐกิจโลกมีโอกาสขยายตัวลดลงเหลือเพียง 2.1% ในปีนี้ จากที่ธนาคารโลกปรับคาดการณ์ล่าสุดลดลงเหลือ 2.3% ขณะที่จีดีพีไทยอาจโตเพียง 1% เท่านั้น จากที่ล่าสุดธนาคารโลกคาดการขยายตัวที่ 1.8% ทั้งนี้นอกจากผู้ส่งออกจะเผชิญภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นจากน้ำมันและค่าขนส่งแล้ว ยังมีปัจจัยลบจากภาษีการค้าของสหรัฐที่จะปรับเพิ่มขึ้น และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะเป็นปัญหาที่ซ้ำเติม”

ส่วนในอีกฉากทัศน์หากสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่านคลี่คลายภายใน 1 เดือน ราคาน้ำมันอาจยืนระดับเฉลี่ยที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าขนส่งอาจปรับขึ้นเพียง 10% ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูง ขณะที่จีนเร่งซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 “ถ้าหนังเรื่องนี้ยังไม่จบ และสงครามลากยาว ทั้งทองคำ น้ำมัน ค่าขนส่ง เงินเฟ้อทั่วโลกและเงินเฟ้อไทยจะพุ่งสูงขึ้น และเศรษฐกิจโลกจะสั่นคลอนหนักขึ้นอีกทุกระลอก” ดร.อัทธ์ กล่าวสรุป