ชาติตะวันตกเร่งรีไซเคิลแร่หายากเพื่อลดการพึ่งพาจีน

29 พ.ค. 2568 | 08:11 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ค. 2568 | 08:42 น.

การควบคุมเข้มของจีนต่อแร่หายากจำเป็นต่ออุตสาหกรรมพลังงานและกลาโหม ทำให้ชาติตะวันตกหันมาเร่งรีไซเคิลแร่จากอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน EV หวังลดอำนาจต่อรองของจีน

KEY

POINTS

  • จีนควบคุมการผลิตเหมืองแร่หายากร้อยละ 69 ในปี 2024 และเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองของโลก
  • แทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจีนในการได้รับแร่ธาตุหายาก
  • นักวิเคราะห์กล่าวว่า คุณไม่สามารถสร้างรถยนต์สมัยใหม่ได้หากไม่มีแร่ธาตุหายาก

ขณะที่จีนกำลังรัดกุมการควบคุมอุปทานแร่สำคัญของโลก ชาติตะวันตกต่างพยายามลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีน ด้วยการค้นหาแหล่งแร่ทางเลือก พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการพึ่งพา และกู้คืนแร่จากผลิตภัณฑ์ที่ใกล้หมดอายุการใช้งาน

เมื่อเดือนกันยายน 2024 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลงทุน 4.2 ล้านดอลลาร์ใน Rare Earth Salts ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปที่มีเป้าหมายสกัดออกไซด์จากผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่นำมารีไซเคิล เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ขณะเดียวกัน โตโยต้าของญี่ปุ่นก็เดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้แร่หายากเช่นกัน

ข้อมูลจากหน่วยสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2024 จีนควบคุมการผลิตแร่หายากทั่วโลกถึง 69% และถือครองปริมาณสำรองเกือบครึ่งหนึ่งของโลก

AlixPartners ประเมินว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดียวทั่วไปมีชิ้นส่วนที่มีแร่หายากประมาณ 550 กรัม (1.21 ปอนด์) ขณะที่รถยนต์ใช้น้ำมันมีเพียง 140 กรัม หรือประมาณ 5 ออนซ์ มากกว่าครึ่งของรถยนต์ผู้โดยสารใหม่ที่ขายในจีนเป็นรถไฟฟ้าหรือไฮบริด แตกต่างจากสหรัฐฯ ที่รถยนต์ส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน

คริสโตเฟอร์ เอคเคิลสโตน นักวางกลยุทธ์ด้านเหมืองจาก Hallgarten & Company กล่าว กล่วว่า เมื่อการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว และข้อบังคับให้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปเป็น EV ถูกเลื่อนออกไป ความจำเป็นในการทดแทนวัสดุจากจีนในรถ EV ก็ลดลง  อีกไม่นาน รถ EV รุ่นแรกก็จะถึงรอบการรีไซเคิล นั่นจะสร้างแหล่งวัสดุที่ไม่ผ่านจีน และจะอยู่ในการควบคุมของโลกตะวันตก 

Cox Automotive ระบุว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นเพียง 7.5% ของยอดขายรถใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากปีก่อน โดยแม้ประมาณสองในสามของรถ EV ที่ขายในสหรัฐฯ ปีที่ผ่านมา ผลิตภายในประเทศ แต่ผู้ผลิตก็ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วน

 

รถยนต์ไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดียวทั่วไป จะมีชิ้นส่วนที่มีแร่หายากรวมประมาณ 1.7 กิโลกรัม (3.74 ปอนด์) โดย 550 กรัม (1.2 ปอนด์) เป็นแร่หายากจริง ๆ ขณะที่รถไฮบริดที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะใช้แร่หายากราว 510 กรัม

เมื่อต้นเดือนเมษายน จีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งรวมถึงเทอร์เบียม (terbium) ที่ใช้ประมาณ 9 กรัมในรถ EV มอเตอร์เดียว ตามข้อมูลจาก AlixPartners

แร่หายากอีก 6 ชนิดที่ถูกรวมในรายการควบคุมไม่ได้ใช้ในรถยนต์อย่างมีนัยสำคัญ แต่รายชื่อในเดือนเมษายนก็ไม่ใช่รายการควบคุมเดียว จีนยังมีรายการควบคุมโลหะอีกฉบับหนึ่งที่เริ่มใช้ในเดือนธันวาคม ซึ่งจำกัดการส่งออกซีเรียม (cerium) โดยเฉลี่ยรถ EV หนึ่งคันใช้ซีเรียมประมาณ 50 กรัม

มาตรการควบคุมนี้หมายความว่า บริษัทจีนที่เกี่ยวข้องกับแร่เหล่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลก่อนที่จะสามารถส่งออกได้

Caixin สื่อธุรกิจจีน รายงานเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่วันหลังจากการสงบศึกทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่า มีบริษัทแม่เหล็กแร่หายากชั้นนำของจีน 3 รายได้รับใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์จีน เพื่อจัดส่งไปยังอเมริกาเหนือและยุโรป

สิ่งที่น่ากังวลต่อภาคธุรกิจระหว่างประเทศคือ โลกแทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจีนในการจัดหาแร่หายาก เหมืองใหม่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้รับอนุมัติให้ดำเนินการ ส่วนโรงงานแปรรูปก็ต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญในการจัดตั้ง

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในแถลงการณ์ว่า ปัจจุบัน จีนควบคุมอุปทานแร่แม่เหล็ก 4 ชนิดที่ผ่านการแปรรูปแล้วกว่า 90% ของโลก ซึ่งได้แก่ นีโอไดเมียม (Nd), พราเซโอโดเมียม (Pr), ดิสโพรเซียม (Dy) และเทอร์เบียม (Tb) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ EV

สำหรับรถไฮบริดที่ใช้แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (NiMH) ปริมาณแร่หายากจะสูงถึง 4.45 กิโลกรัม หรือเกือบ 10 ปอนด์ เนื่องจากใช้ลานทานัม (lanthanum) ถึง 3.5 กิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม การรีไซเคิลยังมีข้อจำกัด เนื่องจากต้องใช้พลังงานสูง กระบวนการยุ่งยาก และใช้เวลานาน แม้ความต้องการ EV ในสหรัฐฯ จะชะลอตัว แต่แร่เหล่านี้ยังคงถูกใช้ในปริมาณที่มากกว่านั้นในภาคกลาโหม ตัวอย่างเช่น เครื่องบินขับไล่ F-35 ใช้แร่หายากมากกว่า 900 ปอนด์ ตามข้อมูลจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน

มาตรการควบคุมของจีนไม่ได้จำกัดเฉพาะรายการที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 เมษายนเท่านั้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จีนได้รุกขยายการควบคุมแร่ในกลุ่ม "แร่ธาตุวิกฤต" ที่กว้างขึ้น

กลางปี 2023 จีนประกาศจำกัดการส่งออกแกลเลียมและเจอร์เมเนียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตชิป และอีกหนึ่งปีต่อมาได้จำกัดการส่งออกแอนติโมนี ซึ่งใช้เพิ่มความแข็งแรงให้โลหะอื่น ๆ และเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระสุน อาวุธนิวเคลียร์ และแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด

คณะรัฐมนตรีของจีน (State Council) ได้เผยแพร่นโยบายทั้งฉบับเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเสริมสร้างการควบคุมการส่งออกสินค้าที่อาจมีการใช้สองทาง (dual-use) ทั้งด้านพลเรือนและการทหาร

หนึ่งในข้อจำกัดที่สร้างความประหลาดใจให้แก่อุตสาหกรรม คือ ทังสเตน ซึ่งไม่ใช่แร่หายาก แต่จัดเป็นแร่ธาตุวิกฤตโดยสหรัฐฯ โลหะที่แข็งมากชนิดนี้ถูกใช้ในอาวุธ เครื่องมือตัด ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และแบตเตอรี่รถยนต์

จีนผลิตทังสเตนประมาณ 80% ของปริมาณทั่วโลกในปี 2024 และสหรัฐฯ นำเข้าทังสเตนจากจีนถึง 27% ตามข้อมูลจากหน่วยสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ

ไมเคิล ดอร์นโฮเฟอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านแร่ Independent Supply Business Partner กล่าว ระบุว่า รถ EV หนึ่งคันใช้ทังสเตนเฉลี่ยประมาณ 2 กิโลกรัม  โดยทังสเตนนี้ไม่สามารถกลับเข้าสู่ห่วงโซ่รีไซเคิลได้อย่างน้อย 7 ปี และปริมาณการใช้งานที่น้อยอาจไม่คุ้มพอสำหรับการนำกลับมาใช้ใหม่

ลูอิส แบล็ก ซีอีโอของบริษัทเหมือง Almonty กล่าวว่า จีนบริโภคทังสเตน 50% ของโลก ดังนั้นยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ เเละอีก 40% ที่ผลิตได้ในจีนและส่งออกไปตะวันตก กำลังจะหายไป

เมื่อเหมืองทังสเตนของบริษัทในเกาหลีใต้กลับมาเปิดดำเนินการในปีนี้ จะสามารถตอบสนองความต้องการของสหรัฐฯ ยุโรป และเกาหลีใต้ในภาคกลาโหมได้อย่างเพียงพอ แต่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ การแพทย์ และการบินอวกาศยังมีไม่พอ