ควันขาวลอยขึ้นจากโบสถ์น้อยซิสทีน ประกาศการเลือก พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 พระคาร์ดินัล Robert Prevost จากสหรัฐอเมริกา ได้รับเลือกเป็นผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกองค์ที่ 267 กลายเป็น โป๊ปชาวอเมริกันคนแรก ในประวัติศาสตร์
เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในระเบียบโลกของคริสตจักร ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พระสันตะปาปาลีโอที่ 14 จะต้องเลือกแล้วว่าจะนำคริสตจักร และคาทอลิกประมาณ 1.4 พันล้านคนทั่วโลก ไปในทิศทางใด และจะต่อยอดจากผลงานของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างไร
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา เป็นที่รู้จักในด้านการให้ความสำคัญกับความครอบคลุม ความพยายามผลักดันให้คริสตจักรคาทอลิกเป็นสากล พระองค์ได้สร้างผลงานไว้มากมายในช่วง 12 ปีที่ดำรงตำแหน่ง รวมถึงการทำให้คณะพระคาร์ดินัลมีความเป็นสากลมากขึ้น ทำให้คริสตจักรคาทอลิกมีความครอบคลุมมากขึ้น และทำให้วาติกันมุ่งเน้นในเรื่องภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความท้าทายมากมายที่พระองค์ต้องเผชิญ และพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็ไม่ได้พ้นจากภาระของมรดกที่ซับซ้อนซึ่งต้องรับมือ
ต่อไปนี้คือความท้าทายบางประการที่พระสันตะปาปาลีโอที่ 14 จะต้องเผชิญเมื่อเข้ารับตำแหน่งสูงสุดของคริสตจักรโลก สายตาทั่วโลกจะจับจ้องว่า พระองค์จะเดินตามรอยของพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือจะเปลี่ยนทิศทางความสำคัญของชุมชนคาทอลิกอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกับที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเคยทำไว้หรือไม่
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเริ่มต้นตำแหน่ง โดยเผชิญกับแรงกดดัน จากฝั่งอนุรักษ์นิยมของคริสตจักรคาทอลิกโดยเฉพาะในสหรัฐ จากการที่พระองค์สนับสนุนคนจน ผู้อพยพ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจุดยืนที่ละเอียดอ่อนกว่าต่อบุคคล LGBTQ+ ในคริสตจักรและการแต่งงานของเพศเดียวกัน
แม้จะไม่เคยเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนอย่างเป็นทางการของคริสตจักร แต่พระองค์ก็มีท่าทีที่เปิดกว้างต่อคาทอลิก LGBTQ มากกว่าพระสันตะปาปาองค์ใดมาก่อน โดยสนับสนุนการจดทะเบียนคู่ชีวิต และพบปะกับกลุ่ม LGBTQ+
ปี 2023 พระสันตะปาปาฟรานซิสมีคำตัดสินให้บาทหลวงโรมันคาทอลิกสามารถให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกันได้ และเมื่อต้นปีเดียวกันนั้น พระองค์ยังได้ลงนามในเอกสารที่อนุญาตให้คนข้ามเพศรับศีลล้างบาปและเป็นพ่อหรือแม่ทูนหัวได้
การตัดสินใจเหล่านี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่มีต้นทุน พระองค์ต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการปฏิรูปและต้องเผชิญกับระบบราชการของวาติกันที่ต่อต้านเพื่อขัดขวางไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 จะต้องตัดสินใจว่า จะเดินตามเส้นทางของพระสันตะปาปาฟรานซิสในการเปิดรับคาทอลิก LGBTQ ต่อไป หรือจะเลือกเส้นทางใหม่ แม้ New York Times รายงานว่า พระสันตะปาปาองค์ใหม่มีท่าทีไม่เปิดรับ
ในปี 2012 พระองค์เคยกล่าวว่า ค่านิยมบางประการของชาติตะวันตกแสดงความเห็นใจต่อสิ่งที่ขัดแย้งกับพระวรสารโดยชี้ไปที่วิถีชีวิตแบบรักร่วมเพศ เเต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่า การนำของพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ในระดับสูงสุดจะสอดคล้องกับถ้อยคำเหล่านั้นที่กล่าวไว้ก่อนการปฏิรูปล่าสุดของฟรานซิสหรือไม่
การล่วงละเมิดทางเพศ
พระสันตะปาปาฟรานซิสเข้ารับตำแหน่งขณะสื่อมวลชนให้ความสนใจกับการปกปิดการล่วงละเมิดทางเพศในคริสตจักรคาทอลิกเป็นอย่างมาก โดยมีหลายกรณีที่เปิดเผยออกมาในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
ช่วงปีแรกของการดำรงตำแหน่ง พระองค์ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถจัดการกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในคริสตจักรได้อย่างจริงจัง แต่ในช่วงปีหลังพระองค์พยายามปฏิรูปลำดับขั้นนโยบาย
ประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งของคริสตจักรกับกรณีดังกล่าวและความพยายามอย่างเป็นระบบในการปกปิด ยังคงเป็นปัญหาที่ดำเนินอยู่ และเป็นเรื่องที่พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
บทบาทของสตรีในคริสตจักร
ภายใต้แนวทางครอบคลุมของพระสันตะปาปาฟรานซิส ยังรวมถึงความเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมของสตรีในคริสตจักร ความเท่าเทียมที่เกิดขึ้นท่ามกลางจำนวนแม่ชีที่ลดลงในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
ในปี 2023 ฟรานซิสได้อนุญาตให้สตรีลงคะแนนเสียงในการประชุมสำคัญของบรรดาบิชอปเป็นครั้งแรก ถือเป็นการปฏิรูปเชิงลึก ซึ่งพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 เองก็ร่วมเป็นประธานในการประชุมดังกล่าว
พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 จะต้องรับมือกับคำถาม ซึ่งยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะหนึ่งในประเด็นถกเถียง นั่นคือ การที่สตรีควรได้รับอนุญาตเป็นสังฆานุกร (deacon) หรือไม่ และหากเป็นไปได้ นี่จะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่การเป็นพระสงฆ์ได้หรือไม่
ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของชุมชนคาทอลิก
คริสตจักรคาทอลิกรวมถึงคณะพระคาร์ดินัลเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่ฟรานซิสได้เป็นพระสันตะปาปาในปี 2013 การเลือกตั้งปี 2025 นี้ถือเป็นการประชุมที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมรดกจากพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของความหลากหลายมาโดยตลอด และไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า สัญชาติหรือภูมิศาสตร์ควรกำหนดว่าใครจะได้เป็นพระสันตะปาปา
แม้ทวีปยุโรปยังคงมีบทบาทในคณะพระคาร์ดินัล แต่จากรายงานของ Pew Research Center ระบุว่า ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นของผู้นำคริสตจักร บ่งชี้ถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของทวีปแอฟริกาและเอเชียในคริสตจักรคาทอลิก
การได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาอเมริกันองค์แรกของพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ต่อเนื่องจากยุคของฟรานซิสที่เป็นพระสันตะปาปาชาวลาตินอเมริกาองค์แรก ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มโลกาภิวัตน์นี้
พระองค์เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเปรู เกิดที่ชิคาโก แต่ใช้ชีวิตและดำรงตำแหน่งผู้นำทางศาสนาเป็นเวลานานในยุโรปและเปรู พระองค์ทำงานในเปรูมา 20 ปี หลังจากนั้น พระองค์ดำรงตำแหน่งสำคัญในวาติกัน โดยเป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาหลักของฟรานซิสในการคัดเลือกบิชอปใหม่ ความเชื่อมโยงของพระองค์กับทั้งอเมริกา อเมริกาใต้ และยุโรป ทำให้พระองค์มีอิทธิพลกว้างขวาง