เหล่าผู้นำหายหน้าจากดาวอส! เวทีเศรษฐกิจโลกบอกอะไรกับโลกยุคปัจจุบัน?


22 ม.ค. 2568 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 08:16 น.

เวทีเศรษฐกิจโลก World Economic Forum 2025 ขาดผู้นำโลก ส่อวิกฤตความร่วมมือระดับโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความกดดันจากเทคโนโลยีและปัญหาสิ่งแวดล้อม

ในช่วงต้นปีแบบนี้ การประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ประจำปี 2025 (World Economic Forum 2025: WEF 2025) ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้เปิดม่านต้อนรับผู้นำกว่า 3,000 คนจากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ต่อเนื่องไปจนถึงวันศุกร์ที่ 24 ม.ค. นี้ ภายใต้หัวข้อ “Collaboration for the Intelligent Age” หรือ “ความร่วมมือเพื่อยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์”

แม้จะมีผู้นำระดับโลกหลายคนที่ไม่ได้เข้าร่วมในปีนี้ แต่การประชุมยังคงเต็มไปด้วยการอภิปรายสำคัญเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญญาประดิษฐ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของโลก

 

ใครมาและใครไม่มา?

ในปีนี้ การประชุม World Economic Forum มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งผู้นำรัฐบาลกว่า 350 คน รวมถึงผู้นำประเทศและหัวหน้ารัฐบาล 60 คน เช่น ดิง เสวี่ยเซียง รองนายกรัฐมนตรีจีน, โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน, ฮาเวียร์ มิเลย์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา และ ซีริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้

นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ, คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ในภาคเอกชน มีผู้นำธุรกิจระดับโลกกว่า 1,600 คน รวมถึงซีอีโอจากบริษัทชั้นนำ และกว่า 120 คนซึ่งเป็นนักนวัตกรรมชั้นนำด้านเทคโนโลยี

แต่รายชื่อผู้นำที่ไม่เข้าร่วมกลับเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี และนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ

ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G7) มีเพียงนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี ที่ปรากฏตัวในฐานะตัวแทนประเทศ นอกจากนี้ ประเทศอย่างบราซิล จีน และอินเดีย ซึ่งเคยเป็นผู้บรรยายหลักเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ไม่มีตัวแทนระดับสูงในครั้งนี้

แม้ว่าจะไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากผู้นำที่ไม่เข้าร่วม แต่ปัญหาภายในประเทศ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และวิกฤตการณ์ทางการเมือง ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุสำคัญ นอกจากนี้ ความรู้สึกแปลกแยกต่อเวที World Economic Forum ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นกลุ่มชนชั้นสูงและห่างไกลจากปัญหาของคนทั่วไป ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง

ถึงแม้ WEF จะยังคงเป็นเวทีสำคัญสำหรับการหารือเรื่องเศรษฐกิจและสังคมระดับโลก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบเปิดกว้าง (Liberal Open World Economy) กำลังเผชิญแรงกดดันจากกระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์ (Anti-Globalization) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือการเพิ่มขึ้นของผู้นำประชานิยม เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นนโยบายกีดกันทางเศรษฐกิจ และประเทศที่มุ่งเน้นการแยกตัว เช่น รัสเซียและจีน

นักวิชาการอย่างศาสตราจารย์ยาน อาร์ต โชลเต มหาวิทยาลัยไลเดน กล่าวถึงการลดลงของแรงดึงดูดของ WEF ว่า “แม้ว่าการประชุมนี้อาจไม่แข็งแกร่งเท่าในอดีต แต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในบางพื้นที่ของการกำกับดูแลเศรษฐกิจโลก”

 

ประชุมสภาเศรษฐกิจโลกปีนี้ พูดถึงอะไร?

ธีมของการประชุมในปีนี้คือ “Collaboration for the Intelligent Age” หรือ  “ความร่วมมือเพื่อยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์” ซึ่งครอบคลุมหัวข้อสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรมในยุคใหม่ การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การปกป้องโลก และการสร้างความไว้วางใจขึ้นใหม่

 

บทบาทของการประชุมสภาเศรษฐกิจโลกในอนาคต

แม้ World Economic Forum จะเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่การประชุมยังคงเน้นการรวมตัวของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลายภาคส่วน เพื่อหาทางออกและสร้างโอกาสเชิงบวกในประเด็นระดับโลก โดย WEF ระบุว่า “ความร่วมมือในเวทีนี้ไม่ได้วัดจากการปรากฏตัวของผู้นำเท่านั้น แต่ยังมาจากความพยายามร่วมกันของชุมชนที่หลากหลาย”

การประชุมเศรษฐกิจโลกปีนี้อาจไม่มีบุคคลระดับ “บิ๊กเนม” มากมาย แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าการสร้างสรรค์อนาคตต้องอาศัยความพยายามร่วมกันจากทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงแค่บุคคลสำคัญในตำแหน่งระดับสูงเท่านั้น