อิสราเอลค้านศาลโลกสั่งหยุดโจมตีเมืองราฟาห์ ยันมีสิทธิป้องกันตนเอง

25 พ.ค. 2567 | 01:42 น.

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) มีคำสั่งเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ให้อิสราเอลยุติการโจมตีเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา "โดยทันที" ท่ามกลางเสียงคัดค้านของอิสราเอล ที่ยืนยันความชอบธรรมที่จะเดินหน้าถล่มกลุ่มฮามาส เพื่อปกป้องความมั่นคงของตนเองและช่วยเหลือตัวประกัน

นายเบนนี แกนซ์ รัฐมนตรีใน คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล กล่าววานนี้ (24 พ.ค.) ยืนยัน อิสราเอล จะยังคงใช้ปฏิบัติการทางทหารใน เมืองราฟาห์ ต่อไป แม้ว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) หรือ ศาลโลก ซึ่งเป็นองค์กรระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีองค์กรหนึ่งของโลกที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎบัตรสหประชาชาติ มีคำสั่งออกมาแล้วเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ให้อิสราเอลยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์โดยทันที

"เราจะยังคงใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อไป ในขณะที่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อรักษาชีวิตพลเรือน ไม่ใช่เป็นเพราะศาลโลก แต่เป็นเพราะคุณค่าที่เรายึดถือ"

"รัฐอิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารที่จำเป็นและชอบธรรม หลังการสังหารหมู่ประชาชนของเรา การล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงของเรา การจับเด็กของเราเป็นตัวประกัน และการยิงจรวดใส่เมืองของเรา"

ทั้งนี้ เมืองราฟาห์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา มีพรมแดนติดกับประเทศอียิปต์ เป็นเมืองที่มีชาวปาเลสไตน์อพยพหนีภัยสงครามลงมาจากทางตอนเหนือของฉนวนกาซาจำนวนนับแสนๆคน อิสราเอลอ้างว่า เมืองราฟาห์คือที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มติดอาวุธฮามาสและเป็นที่หลบภัยของนักรบฮามาสจำนวนมากในช่วงเวลานี้ ซึ่งอิสราเอลมีความมุ่งมั่นที่จะกวาดล้างให้สิ้นซาก  

นายแกนซ์ยังกล่าวด้วยว่า รัฐอิสราเอลมีความมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไปเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกัน และสร้างความมั่นคงแก่ประชาชน โดยยืนยันจะต่อสู้ในทุกที่ ซึ่งรวมถึงเมืองราฟาห์

ในวันเดียวกัน นายยาอีร์ ลาพิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล ได้กล่าวประณามคำสั่งของ ICJ ว่า ไม่ได้เชื่อมโยงการสู้รบในเมืองราฟาห์เข้ากับการปล่อยตัวประกัน และสิทธิของอิสราเอลในการที่จะปกป้องตนเองเลย

"อิสราเอลเป็นฝ่ายถูกโจมตี ทำให้ต้องออกมาป้องกันตนเองจากกลุ่มก่อการร้ายซึ่งได้สังหารเด็ก ข่มขืนผู้หญิง และยิงจรวดใส่พลเรือนที่บริสุทธิ์"

อิสราเอลอ้างว่า เมืองราฟาห์คือที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มติดอาวุธฮามาสและเป็นที่หลบภัยของนักรบฮามาสจำนวนมาก

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ค. 2567 ศาล ICJ มีคำสั่งให้อิสราเอลยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์โดยทันที ด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของพลเรือนชาวปาเลสไตน์ ซึ่งการตัดสินดังกล่าวเป็นไปตามคำร้องของแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นชาติสมาชิก ICJ

"อิสราเอลจะต้องยุติปฏิบัติการทางทหารและการกระทำใดๆ ในเมืองราฟาห์โดยทันที" คำสั่งของศาลโลกระบุ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ICJ เคยมีคำสั่งออกมาชุดหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นศาลโลกสั่งให้อิสราเอลดำเนินการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้อิสราเอลทำการหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งหลังจากที่ได้รับคำตัดสินดังกล่าว อิสราเอลก็ออกมาปฏิเสธว่า ปฏิบัติการทางการทหารของอิสราเอลในกาซาไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนั้นก็เดินหน้าโจมตีหลายพื้นที่ในฉนวนกาซาต่อไป อ้างเป้าหมายเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่อิสราเอลระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม และเพื่อช่วยเหลือตัวประกันทุกคนที่ถูกฮามาสจับตัวไป

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) มีคำตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.2567

"อิสราเอลจะต้องยุติปฏิบัติการทางทหารและการกระทำใดๆ ในเมืองราฟาห์โดยทันที"

ฮามาสเรียกร้องเพิ่ม ขอ UNSC ห้ามอิสราเอลโจมตีทั่วกาซา

นายบาเซม นาอิม เจ้าหน้าที่ของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ควรดำเนินการเพื่อให้อิสราเอลยุติการสู้รบทั้งหมดในฉนวนกาซา

"เราขานรับการตัดสินใจของศาลโลกที่สั่งให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์ แต่เราเชื่อว่าสิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการทำสงครามของอิสราเอลทั่วฉนวนกาซา โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนเหนือ ก็มีความโหดร้ายและอันตรายเช่นกัน" นายนาอิมกล่าว

ถ้าอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามจะเป็นอย่างไร

คำวินิจฉัยของ ICJ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของสหประชาชาติ ที่ทำหน้าที่รับพิจารณาข้อขัดเเย้งระหว่างรัฐ แม้จะไม่มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็สามารถเพิ่มเเรงกดดันทางการทูตต่ออิสราเอล

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศแอฟริกาใต้ยื่นเรื่องต่อศาล ICJ โดยกล่าวหาอิสราเอลว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงเรียกร้องให้เกิดมาตรการเร่งด่วนในราฟาห์เพื่อรักษาชีวิตพลเรือนปาเลสไตน์ แต่ที่ผ่านมาอิสราเอลก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่ได้ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อิสราเอลกล่าวผ่านโฆษกรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ก่อนการอ่านคำพิพากษาของ ICJ ว่า "ไม่มีอำนาจใดบนโลกนี้ ที่จะหยุดอิสราเอลจากการปกป้องประชาชนของตน และจากการตามไปจัดการกลุ่มฮามาสในกาซาได้"

เเม้คำวินิจฉัยของ ICJ จะถือเป็นที่สิ้นสุด แต่ก็เคยถูกเพิกเฉยมาเเล้วในอดีต เพราะศาลไม่มีอำนาจบังคับใช้ให้เกิดผลตามกฎหมาย

สถานการณ์ในเมืองราฟาห์นั้น อยู่ในขั้น "รุนแรงอย่างยิ่ง"

นายนาวาฟ ซาลาม ประธานศาล ICJ กล่าวว่า สถานการณ์ในเมืองราฟาห์นั้น อยู่ในขั้น "รุนแรงอย่างยิ่ง" และประชากรในเมืองดังกล่าว ก็อยู่ในสภาพที่ "อ่อนไหวอย่างที่สุด"

ผู้พิพากษาผู้นี้ยังได้แสดงความคลางเเคลงใจและห่วงกังวลเกี่ยวกับการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่เมืองราฟาห์ของฝ่ายอิสราเอล โดยระบุว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสูง

ด้านนายเเซน แดนเกอร์ เลขาธิการใหญ่ของหน่วยงานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือนานาชาติของรัฐบาลแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ยื่นขอให้ ICJ พิจารณาในเรื่องนี้ กล่าวผ่านคลิปวิดีโอว่า ประเทศของเขายินดีที่ได้เห็นการวินิจฉัยเช่นนี้ของศาล ICJ

ยุโรปร่วมออกแรงกดดันอิสราเอล

ทั้งนี้ ภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเเรงกดดันหลายด้านทางการทูต เมื่อมีประเทศในยุโรปถึง 3 ประเทศที่ประกาศยอมรับสถานะความเป็นรัฐของปาเลสไตน์

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันจันทร์(20 พ.ค.) หัวหน้าอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังออกมาเผยว่า เขาเสนอให้มีการออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายโยอาฟ กัลเเลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และแกนนำกลุ่มฮามาสอีก 3 คน ในโทษฐานที่บุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชนในสงครามอิสราเอล-ฮามาส

ขณะที่เจ้าหน้าที่สูงสุดด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู) นายโจเซฟ บอร์เรลล์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาสและท่าทีของประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลานี้ว่า

"เราต้องเลือกระหว่างการสนับสนุนอิสราเอล กับการสนับสนุนสถาบันระหว่างประเทศที่ทำงานเพื่อหลักนิติธรรม"