อิสราเอลร้องประชาคมโลกลงโทษอิหร่าน ลั่นกองกำลัง IRGC คือผู้ก่อการร้าย

17 เม.ย. 2567 | 00:38 น.

อิสราเอลเรียกร้องให้นานาประเทศทั่วโลกเพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่ออิหร่าน เพื่อตอบโต้การที่อิหร่านระดมโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธแบบจัดหนักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลั่น IRGC หรือกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านนั้น คือองค์การก่อการร้ายชัดๆ

นายอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ อิสราเอล เปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันอังคาร (16 เม.ย.) ว่าได้ติดต่อไปยังประเทศต่าง ๆ มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ให้ใช้ มาตรการลงโทษ ต่อโครงการขีปนาวุธของ อิหร่าน รวมทั้งประกาศให้ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน หรือ IRGC (Iran’s Revolutionary Guard Corps) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่าน เป็นองค์การก่อการร้าย หลังอิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธนับร้อย ๆ ลูกในยุทธการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ (14 เม.ย.)

การโจมตีดังกล่าวเป็นไปตามคำขู่ที่อิหร่านประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ว่านี่คือการตอบโต้อิสราเอลที่อุกอาจโจมตีทางอากาศสถานกงสุลของอิหร่านในเมืองดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต

นับเป็นการเปิดฉากใหม่ของความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่ปะทุมานานหลายปี และทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่อิสราเอลประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาส และบุกโจมตีฉนวนกาซาซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฮามาสเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ภาพขีปนาวุธบนกำแพงอาคารในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน (ภาพข่าว AFP)

ท่าทีของอิสราเอลว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับอิหร่านนั้น ยังไม่ชัดเจน แต่อิสราเอลกำลังเผชิญกับคำทัดทานและการวิงวอนจากพันธมิตรอย่างสหรัฐอเมริกาและบรรดาผู้นำโลก ให้อดกลั้นและยับยั้งชั่วใจเพื่อไม่ให้การเผชิญหน้ากับอิหร่านกลายเป็นสงครามที่ลุกลามและขยายขอบเขตออกไป

เห็นได้ชัดว่า การออกมาเรียกร้องให้ประชาคมโลกเพิ่มมาตรการลงโทษอิหร่านเป็นหนึ่งในยุทธวิธีของอิสราเอลในการตอบโต้อิหร่าน ระหว่างที่ยังไม่ได้ใช้ปฏิบัติการทางการทหาร

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาคือหนึ่งในหลายประเทศที่ระบุให้กองกำลัง IRGC ของอิหร่านเป็นกลุ่มก่อการร้าย และตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2566 รัฐบาลสหรัฐก็ได้ใช้มาตรการลงโทษหลายชุดต่อโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน

ในช่วงเวลาขณะนี้ ดูเหมือนอิสราเอลกำลังพิจารณาการโจมตีตอบโต้อิหร่านด้วยวิธีการเดียวกัน (การโจมตีด้วยอาวุธ) แม้บรรดาผู้นำโลกต่างร้องขอให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์นี้ โดยผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิสราเอลกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อิหร่านจะต้อง “ชดใช้” สำหรับการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธกว่า 300 ครั้งเมื่อวันเสาร์ (13 เม.ย.) แต่ยังมิได้ระบุว่า การตอบโต้ดังกล่าวจะเป็นไปในรูปแบบใด และจะเริ่มขึ้นเมื่อใด

อิสราเอลกำลังพิจารณาการโจมตีตอบโต้อิหร่าน แม้บรรดาผู้นำโลกต่างร้องขอให้หลีกเลี่ยงการยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์

สหรัฐปากแจ๋ว หยันขีปนาวุธอิหร่าน

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า โครงการขีปนาวุธที่อิหร่านโอ้อวดและใช้ข่มขู่อิสราเอลกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า “ไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง” ขณะที่ระบบการป้องกันตนเองของอิสราเอลที่ได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐและชาติตะวันตก กลับแสดงให้เห็นแล้วว่า “ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้”

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า การโจมตีของอิหร่านใส่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ประกอบด้วยขีปนาวุธวิถีโค้งกว่า 110 ลูก ขีปนาวุธร่อน 30 ลูก และโดรนติดระเบิดกว่า 150 ลำ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกปล่อยออกจากดินแดนของอิหร่าน และมีบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อย ที่ถูกยิงมาจากพื้นที่ในครอบครองของกลุ่มติดอาวุธที่มีอิหร่านหนุนหลัง ในอิรัก ซีเรีย เยเมน รวมทั้งเลบานอน แต่ราว 99% ก็ถูกระบบป้องกันตัวเองของอิสราเอลสกัดไว้ได้  

อิสราเอลร้องประชาคมโลกลงโทษอิหร่าน ลั่นกองกำลัง IRGC คือผู้ก่อการร้าย

กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุเมื่อวันจันทร์ (15 เม.ย.)ว่า นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และได้เน้นย้ำ “ความสนับสนุน” ของสหรัฐต่อกองทัพอิสราเอล รวมทั้งยืนยันเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

การโจมตีเชิงสัญลักษณ์ของอิหร่าน

สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่บางคนในตุรกี จอร์แดน และอิรัก ที่ออกมาระบุเมื่อวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ว่า อิหร่านได้ส่งคำเตือนถึงประเทศเหล่านั้นก่อนที่จะเริ่มการโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์(13 เม.ย.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของประชาชน และป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งยกระดับรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว และยืนยันว่าไม่มีการจัดการล่วงหน้าใด ๆ ระหว่างอิหร่านกับประเทศอื่นๆ ก่อนที่ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลจะเริ่มขึ้น อิหร่านย้ำว่า การโจมตีครั้งนี้เพื่อ “สั่งสอน” หรือตอบโต้อิสราเอลที่โจมตีทางอากาศสถานกงสุลของอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้อิหร่านต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพไปสองนาย

ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐหลายคนต่างออกมาปฏิเสธรายงานที่ว่า การโจมตีอิสราเอลของอิหร่านเป็นเพียงการกระทำเชิงสัญลักษณ์ โดยนายเคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ให้ความเห็นว่า คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการโจมตีของอิหร่านว่าเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์และไม่ได้หวังผลในการทำลายล้างนั้น ไม่เป็นความจริง

“เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง และเมื่อพิจารณาถึงขนาดของการโจมตี เห็นได้ชัดว่าอิหร่านต้องการให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่และต้องการให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป้าหมายของอิหร่านคือการส่งขีปนาวุธและโดรน ฝ่าผ่านระบบป้องกันตนเองของอิสราเอลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นายเคอร์บีกล่าว

นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา สหรัฐในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps หรือ IRGC) เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ และเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (อียู) ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ประกาศว่า IRGC เป็นองค์การก่อการร้ายเช่นกัน