ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี เปิดเผย รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิก วันนี้ (11 เม.ย.) โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกจะขยายตัวโดยเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 4.9% ในปีนี้ (2567) เนื่องจากภูมิภาคยังคงเติบโตและปรับตัวได้อย่างดีท่ามกลางอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่ดีขึ้น และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ในขณะที่ เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) คาดว่าจะเติบโตที่อัตรา 4.6% ในปี 2567 และ 4.7% ในปี 2568 อันเป็นผลจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
ส่วน เศรษฐกิจไทย นั้น คาดว่าจะขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศที่เข้มแข็งจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า
ทั้งนี้ เอดีบีคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่อัตรา 2.6% ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 3.0% ในปี 2568 ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่า เงินเฟ้อไทยจะขยายตัว 1% ปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า (2568) เนื่องจากภาครัฐอาจจะยังคงดำเนินมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การบริโภคภายในประเทศที่เข้มแข็งและราคาอาหารที่สูงขึ้นจากผลผลิตภาคเกษตรที่ลดลง อาจกดดันอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานได้ ส่วนความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการประมาณการณ์ทางเศรษฐกิจหลักๆ จะมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ทของรัฐบาล เอดีบีมองว่า อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้างในระยะสั้น
ส่วนในระยะปานกลาง สิ่งที่ท้าทายสำหรับการดำเนินนโยบายของไทย คือ การพัฒนาระบบนิเวศน์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตให้สามารถทำงานไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนเอ็สเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยีสีเขียว ตลอดจนการพัฒนาทักษะแรงงานในประเทศไทยให้ตอบสนองต่อธุรกิจสีเขียวได้ดีมากขึ้น จะทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวเป็นไปอย่างราบรื่น