ประธานาธิบดี ดีนา โบลูอาร์เต ผู้นำหญิงแห่ง ประเทศเปรู กำลังตกเป็นศูนย์กลางข่าวฉาวกรณีไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับ นาฬิกาโรเล็กซ์ หลายเรือนที่มีผู้พบเห็นเธอสวมใส่ในหลากหลายวาระโอกาส กระทั่งนำไปสู่การบุกตรวจค้นบ้านพักและทำเนียบรัฐบาลเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่พบ ทำให้เกิดปมปริศนามากมายเกี่ยวกับที่มาที่ไปของนาฬิกาหรูในครอบครองของประธานาธิบดี และคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับ การทุจริตคอร์รัปชัน หรือไม่
ล่าสุดวานนี้ เมื่อวันจันทร์ (1 เม.ย.) นายวิคเตอร์ ตอร์เรส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเปรู ตัดสินใจลาออกจาก ตำแหน่ง และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็มีรัฐมนตรีอีก 5 คนยื่นใบลาออกตาม โดยเชื่อว่าการทยอยลาออกของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องอื้อฉาวของประธานาธิบดี เรื่องนี้สะท้อนความปั่นป่วนทางการเมืองเปรูและท้าทายกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 หรือ 2 วันก่อนการลาออกของ 6 รัฐมนตรี ตำรวจที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทยเปรู ได้บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักและทำเนียบประธานาธิบดี ดีนา โบลูอาร์เต เพื่อสืบสวนกรณีที่ผู้นำหญิงวัย 61 ปีผู้นี้ ถูกพบเห็นสวม “นาฬิกาโรเล็กซ์” หลายเรือนที่ไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สิน ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเธอได้นาฬิกาหรูเหล่านี้มาอย่างไร ประธานาธิบดีโบลูอาร์เตไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากกล่าวว่า นาฬิกาเหล่านั้นได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองจากการทำงานหนักมาตลอดชีวิต
ข่าวระบุว่า นาฬิกายี่ห้อ “โรเล็กซ์” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคดีนี้ มีจำนวนถึง 14 เรือนด้วยกัน สำนักงานอัยการเปรูได้สั่งให้ประธานาธิบดีโบลูอาร์เต สำแดงทรัพย์ “นาฬิกาโรเล็กซ์” ทั้งหมดที่มีอยู่ในครอบครอง หลังเจ้าหน้าที่นำกำลังกว่า 20 นายบุกเข้าค้นที่พักของเธอรวมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงลิมาเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 30 มี.ค.แต่ไม่พบของกลางดังกล่าว
แถลงการณ์จากสำนักงานอัยการระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่พบนาฬิกาโรเล็กซ์ระหว่างการบุกค้นบ้านพักผู้นำหญิงรายนี้ ขณะที่ทนายความของเธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจพบนาฬิกาข้อมือบางเรือน และมีการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นนาฬิกาโรเล็กซ์หรือไม่
ก่อนหน้านี้ อัยการเริ่มสอบสวนคดีดังกล่าว หลัง La Encerrona สื่อบนโลกออนไลน์ของเปรู ได้เริ่มตีแผ่ประเด็นร้อนเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโบลูอาร์เต เป็นเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์หลายเรือน หลังจากที่เธอรับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปลายปี 2566 โดยสื่อดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบภาพถ่ายของปธน.โบลูอาร์เตนับพันๆภาพ แล้วพบว่าเธอสวมใส่นาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นต่างๆ อย่างน้อย 14 เรือน
ทำให้เกิดข้อกังขาว่า นาฬิกาเหล่านั้นคือสินบนที่ได้มาจากการคอร์รัปชันหรือไม่ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โบลูอาร์เตไม่ได้ให้รายละเอียด เพียงแต่กล่าวว่า นาฬิกาโรเล็กซ์ของเธอหลายเรือนนั้น เธอซื้อหามาเองตั้งแต่สมัยยังสาว (ปัจจุบันอายุ 61) ไม่ได้มาจากการรับสินบนดังที่มีคำครหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ โบลูอาร์เตระบุว่า เมื่อตอนเป็นข้าราชการเธอมีรายได้ประมาณปีละ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น ตอนเป็นรองประธานาธิบดีควบตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 กระทรวง เธอรับเงินเดือน 8,000 ดอลลาร์ (ประมาณเดือนละ 2.8 แสนบาท) และเมื่อก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี เธอได้รับเงินเดือนๆละประมาณ 4,300 ดอลลาร์ (ประมาณเดือนละ 1.5 แสนบาท)
การตรวจค้นบ้านพักประธานาธิบดีและทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ทำให้นายกุสตาโว อาเดรียนเซน นายกรัฐมนตรีเปรู ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตำรวจและมหาดไทยว่า “เกินกว่าเหตุ” ส่งผล กระทบร้ายแรงต่อการลงทุนและภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ตัวประธานาธิบดีโบลูอาร์เตเอง ออกมาตำหนิมหาดไทยว่า ทำเกินกว่าเหตุ และใช้อำนาจในทางที่ผิด เธอยืนยันความบริสุทธิ์ในการเข้ารับตำแหน่ง “อย่างมือสะอาด” และประกาศจะอยู่ในหน้าที่จนครบวาระประธานาธิบดีในปี 2569
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี “ดีนา เอร์ซิเลีย โบลูอาร์เต เซการ์รา” หรือในชื่อเรียกสั้นๆว่า “ดีนา” เกิดเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2505 เธอเคยเป็นทั้งทนายความ และเป็นข้าราชการ โดยก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 64 และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศเปรูนั้น “ดีนา” เคยเป็นรองประธานาธิบดีมาก่อน ในสมัยยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีเปโดร กัสติโย
สำหรับประเทศเปรูซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ การสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งประธานาธิบดีนั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา บางครั้งก็ทำให้บุคคลระดับสูงสุดหลุดจากตำแหน่งมาแล้ว ดังจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เปรูมีประธานาธิบดีมาแล้วถึง 6 คนในรอบ 4 ปี
เรื่องราวลักษณะคล้ายๆกันนี้ ยังเคยเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่นที่เกาหลีใต้ เมื่อนางคิมกอนฮี ภริยาประธานาธิบดียุนซอกยอล ผู้นำคนปัจจุบัน ตกเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก เมื่อเธอแอบรับของขวัญเป็นกระเป๋าหรูยี่ห้อดิออร์ (Dior) มูลค่าเฉียดแสน ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยสื่อท้องถิ่นตีข่าวว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐพึงกระทำ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สามีของเธอ และยังสั่นคลอนสถานะของพรรครัฐบาลอีกด้วย ซึ่งเป็นจังหวะที่ไม่ดีอย่างยิ่งเนื่องจากเกาหลีใต้กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในเดือนเมษายนนี้
อีกตัวอย่างคือกรณีของนายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ที่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ในคดีทุจริตคอร์รัปชัน โดยไม่แจ้งบัญชีรายได้จากการขายของขวัญที่ได้รับระหว่างดำรงตำแหน่งผู้นำปากีสถาน ระหว่างปี พ.ศ. 2561-2565
กระทรวงข่าวสารของปากีสถานระบุว่า บรรดาของขวัญที่อดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ได้รับและนำไปขายโดยไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินนั้น มีมูลค่ากว่า 140 ล้านรูปีปากีสถาน (ราว 635, 000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 22.2 ล้านบาท) รวมทั้งนาฬิกาข้อมือ 7 เรือนที่ราชวงศ์ต่างชาติราชวงศ์หนึ่งมอบให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการกล่าวหาว่า ที่ปรึกษาของนายอิมราน ข่าน ได้นำนาฬิกาเหล่านี้ไปขายในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยนาฬิกาเรือนที่แพงที่สุด เป็นนาฬิกายี่ห้อ โรเล็กซ์ (Rolex) รุ่น Master Graff Limited Edition มีสนนราคาเรือนละ 82 ล้านรูปี หรือ 3 แสนดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยกว่า 10.5 ล้านบาท
ข้อมูลอ้างอิง