นายกฯ สรุปผลหารือ 12 บิ๊กเอกชนฝรั่งเศสชื่นมื่น เปิดโอกาสดึงดูดการลงทุนใหม่

09 มี.ค. 2567 | 01:58 น.

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากกรุงปารีส สรุปผลหารือกับ 12 บริษัทเอกชนชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งหลายรายสนใจลงทุนใหม่ หรือขยายการลงทุนที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย  

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากกรุงปารีส ถึงภารกิจเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการเยือน สาธารณรัฐฝรั่งเศส ประเทศแรกในภูมิภาคยุโรปที่นายกฯและคณะเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการว่า ในการพบปะหารือภาคธุรกิจเอกชนในประเทศฝรั่งเศสทั้ง 12 รายนั้น ครอบคลุมทุกแขนงธุรกิจ ตั้งแต่ ยานยนต์ แฟชั่น โรงแรม เครื่องบิน อาหาร และโรงงานอุตสาหกรรม มีผลการหารือแต่ละราย ดังนี้  

1. ACCOR group เป็นกลุ่มเชนโรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก มีกว่า 100 โรงแรมในไทย บริษัทต้องการเข้ามาวางแผนการทำแผนการท่องเที่ยวร่วมกับรัฐบาล และอยากจะร่วมทุนกับกองทุนไทย เช่น pension fund เพื่อขยายธุรกิจ-การสร้างโรงแรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

 2. บริษัท Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ บริษัทใช้ยางพาราในไทยจำนวนมาก มีการตั้งโรงงานในประเทศไทยทำธุรกิจมานาน บริษัทขอให้รัฐบาลไทยช่วยในเรื่องการทำธุรกิจให้สะดวกง่ายดายมากขึ้น (Ease of Doing Business)

บรรยากาศการหารือกับ CEO ของ ACCOR GROUP กลุ่มเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

3. Federation Haute Couture สมาคมแฟชั่นชั้นสูง เป็นสมาพันธ์เพื่อส่งเสริมนักออกแบบรุ่นใหม่ ทางสมาพันธ์แสดงความต้องการอยากทำกิจกรรมร่วมกับไทย ทั้งอีเวนท์ แฟชั่นโชว์ และสร้างสถาบันให้ความรู้กับนักเรียนไทย นายกฯ ได้เชิญสมาพันธ์ฯ มาทำอีเวนท์ในไทยช่วงเมษายนนี้ โดยเสนอให้จัดกิจกรรมคล้าย Paris Fashion Show ในกรุงเทพฯ  

4. Comité Colbert เป็นองค์กรที่พยายามผลักดันให้แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นองค์กรที่ให้ความรู้แก่แบรนด์และนักออกแบบทั่วโลก รวมทั้งในด้าน soft power  ในการหารือครั้งนี้ นายกฯ ได้เชิญองค์กรดังกล่าวให้เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทย โดยผ่านความร่วมมือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

5. Michelin guide บริษัทเห็นว่า ไทยมีศักยภาพมากด้านอาหาร และพร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหาประสบการณ์ในด้านอาหารในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งไทยเองก็หวังที่จะยกระดับความร่วมมือกับ Michelin เพื่อช่วยส่งเสริมในการร่วมจัดงานอีเวนท์ต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย โดยช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2567 นี้ Michelin guide จะมาจัดงานเทศกาลอาหารระดับโลกที่จังหวัดเชียงใหม่

นายกฯหารือผู้บริหาร Michelin Guide ที่เข้ามาส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย

พบกับ Fédération de la Haute Couture et de la Mode หารือการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย

6. บริษัท Richemont เป็นกลุ่มบริษัทฯที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก อาทิ Cartier, Van Cleef & Arpels และ IWC ถือบริษัทสินค้าหรู (luxury goods)รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก โดยประเทศไทยมียอดการขายเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในการหารือครั้งนี้ นายกฯ ได้ขอความร่วมมือจากบริษัท ในการทำ Collaboration กับแบรนด์ของไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบไทย รวมถึงวัตถุดิบไทย ที่มีคุณภาพ ตลอดจนเชิญชวนให้มาทำกิจกรรม อาทิ popup store, co-promotion กับกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ฝ่าย Richemont ได้หารือประเด็นการคืนภาษีอากร (tax refund) โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุน เป็นส่วนหนึ่งของ  Ease of Doing Business ในประเทศไทย

7. บริษัท Valeo ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตส่วนประกอบ ระบบบูรณาการ และโมดูล สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมในการพัฒนาและการผลิตเทคโนโลยี สำหรับเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมและยานพาหนะไฟฟ้า โดยนายกฯ เชิญชวนบริษัท Valeo ให้มาขยายการลงทุนในประเทศไทย ผลักดันการสร้างระบบนิเวศน์ให้กับรถ EV เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ขยับเข้าใกล้การเป็นศูนย์กลางยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) และต่อยอดการเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียของประเทศไทย   

8. บริษัท Airbus กับนายกฯได้หารือเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเรื่องการเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของไทย โดยฝ่าย Airbus Group มีเทคโนโลยีด้านความมั่นคงทางอากาศ ส่วนไทยก็มีศักยภาพในการขยายศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคด้านการสนับสนุนและบริการปฏิบัติการบิน

9. บริษัท Forvia เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนให้โรงงานผลิตที่ยังใช้ระบบ ICE ให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน

10. บริษัท Essilor Luxottica ผู้ผลิตเลนส์แว่นตา บริษัทมีการตั้งโรงงานในประเทศไทยและชื่นชมแรงงานฝีมือของไทย อีกทั้งยังมีแผนที่จะเพิ่มพนักงานจาก 6,000 คน เป็น 12,000 คน จึงหวังให้รัฐบาลไทยสนับสนุนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ( human resource development) และขอให้ไทยเดินหน้าเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (อียู) ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

11. บริษัท Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ได้มีการพูดคุยเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ซึ่งบริษัทฯ สนใจจะลงทุนในไทย และรัฐบาลไทยก็พร้อมให้การสนับสนุน

 12. บริษัท YouTube นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็น Global Head of Music ของ YouTube ซึ่งเป็นผู้ค้นพบและพัฒนาศิลปินชั้นนำ อาทิ Jay z ,Bon Jovi, Mariah Carey เเละเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจดนตรี โดยทาง YouTube เชิญชวนนายกฯ ให้มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองโดยจะส่งหนังสือและส่งลิสต์มาให้ว่ามีผู้นำที่มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองแล้วกว่า 20 คนมีใครบ้างและต้องทำอะไรบ้าง

YouTube หนุนนายกฯ มีช่องมีช่อง YouTube เป็นของตัวเอง

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ปีหน้า (2025) เป็นปีของมิวสิคเฟสติวัล หรือเทศกาลดนตรี มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะจัดงานและการเชิญนักร้องระดับ A list มาร่วมงานเทศกาลดนตรีในไทย