อานิสงส์แรกหลัง การเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ผ่านพ้นและผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้วว่า นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหมที่ควงคู่ นายยิบราน รากาบูมิง รากา บุตรชาย ปธน.โจโค วิโดโด มาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขา คว้าชัยชนะเป็นคู่ที่ได้รับคะแนนนำคู่แข่ง ดัชนี Jakarta Composite Index เช้าวันนี้ (15 ก.พ.) ก็พุ่งขึ้นถึง 2.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนของภาคเอกชนระบุว่า นายปราโบโวได้รับคะแนนสนับสนุนเกือบ 60%
ข่าวดังกล่าวยังหนุนให้กองทุน iShares MSCI Indonesia ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF พุ่งขึ้น 2.4% ในตลาดสหรัฐเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบ 3 เดือน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ชัยชนะอย่างเด็ดขาดของนายปราโบโวจะช่วยขจัดความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งที่ยืดเยื้อ (หากต้องมีการจัดเลือกตั้งรอบสอง ถ้ารอบแรกไม่มีใครได้คะแนนเสียงเกิน 50%) และคาดว่าจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของอินโดนีเซียอย่างคึกคัก
นายปราโบโวได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะนำอินโดนีเซียเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่สร้างรายได้สูงภายในปี 2588 ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนำทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซียที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะเดียวกัน สกุลเงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ระดับ 15,565 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาดวันนี้ (15 ก.พ.) หลังจากตลาดปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องจากเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี
ด้านซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากการประกาศผลการเลือกตั้ง และคาดว่าดัชนีจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 7,750 จุดภายในเดือนมิ.ย.ปีนี้
ทั้งนี้ ณ เวลา 10.25 น.ตามเวลาไทย ดัชนี Jakarta Composite Index อยู่ที่ระดับ 7,307.84 จุด พุ่งขึ้น 98.10 จุด หรือ +1.36%
อินโดนีเซียประกาศปิดหีบเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. และเริ่มนับคะแนนแล้ว โดยผู้ชนะการเลือกตั้งจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ต่อจากนายโจโก วิโดโด ซึ่งบริหารประเทศมานานร่วม 10 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียประกอบด้วยนายปราโบโว ซูเบียนโต ตัวเต็งในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงนายกันจาร์ ปราโนโว และนายอานีส บาสเวดาน
ปัจจุบัน นายปราโบโวดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตเคยเป็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษสมัยของประธานาธิบดีซูฮาร์โต ซึ่งเป็นผู้ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อินโดนีเซียและได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเผด็จการ
เขาได้ประกาศตลอดการหาเสียงเลือกตั้งว่า หากได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ก็จะสานต่อเจตนารมณ์ของนายวิโดโด ปธน.คนปัจจุบัน ทำให้เขามีคะแนนเสียง (ในโพลสำรวจ) มาเป็นอันดับหนึ่งและเกินกว่า 50%
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ออกมานั้น ดำเนินการโดยองค์กรอิสระต่าง ๆ ถือเป็นผลการนับคะแนนแบบ "Quick Count" หรือ "การนับคะแนนเร็วคู่ขนาน" จากทุกคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศหลังเวลา 15.00 น. ส่วนผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ คาดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซียจะประกาศออกมาอย่างช้าที่สุดไม่เกินวันที่ 20 มี.ค.นี้
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจนถึงขณะนี้ พบว่า นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย กวาดคะแนนเสียงได้เกินครึ่ง เอาชนะคู่แข่งอีก 2 คนไปแบบขาดลอย โดยการลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำอินโดนีเซียครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของเขา และน่าจะเป็นครั้งที่ประสบความสำเร็จ
ผลการนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการโดยโพลอิสระ 4 สำนักพบว่า นายปราโบโว ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษและลูกเขยของอดีตปธน.ซูฮาร์โต ได้รับคะแนนโหวตมากถึง 58% หรือเกิน 2 เท่าของคะแนนเสียงที่นายอานีส บาสเวดาน อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ที่ได้คะแนนรองลงมา สามารถทำได้
ขณะเดียวกัน ผลการนับคะแนนเบื้องต้นโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งผ่านไปแล้ว 18% ก็บ่งบอกตรงกันว่า นายปราโบโว ได้คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่งทั้งสองรายอย่างไม่เห็นฝุ่น และคาดว่าเขาผู้นี้จะได้ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศได้โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งรอบสอง
“นี่คือชัยชนะสำหรับชาวอินโดนีเซียทุกๆ คน” นายปราโบโวกล่าวสุนทรพจน์ที่สนามกีฬาแห่งหนึ่งหลังทราบผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องจากบรรดาผู้สนับสนุน “เราจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ประกอบไปด้วยลูกชายและลูกสาวที่ดีที่สุดของอินโดนีเซีย”
ส่วนผู้สมัครอีก 2 ราย คือ นายอานีส บาสเวดาน อดีตผู้ว่าฯ จาร์กาตา และนายกันจาร์ ปราโนโว อดีตผู้ว่าการจังหวัดชวากลาง ได้คะแนนเสียงราว 25% และ 17% ตามลำดับ จากการนับคะแนนแบบเร็วๆ ของโพลทั้ง 4 สำนัก ซึ่งจากศึกเลือกตั้งที่ผ่านๆ มาพบว่าค่อนข้างแม่นยำ
สื่อระบุว่า นายปราโบโวนั้น ได้รับการสนับสนุนแบบกลายๆ จากประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ซึ่งตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการหนุนหลังอดีตคู่แข่ง (นายปราโบโว) เพื่อปูทางส่งมอบอำนาจต่อให้นายยิบราน รากาบูมิง รากา บุตรชายคนโตวัย 36 ปี ของเขาเอง ซึ่งลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับนายปราโบโวในครั้งนี้
การสนับสนุนจากปธน.วิโดโดนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มคะแนนนิยมให้กับนายปราโบโว โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการสนับสนุนปราโบโวจะทำให้นายวิโดโดที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยังสามารถคงอิทธิพลทางการเมืองไว้ต่อไป และยังเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์ของเขา ที่มุ่งมั่นจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของอินโดนีเซียให้ทันสมัย และผลักดันให้อินโดนีเซียกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาคให้ได้
ทั้งนี้ ผู้สมัครประธานาธิบดีที่จะชนะขาดนั้น ต้องได้คะแนนโหวตเกิน 50% ขึ้นไป และจะต้องได้คะแนนอย่างน้อย 20% ในครึ่งหนึ่งของจำนวนจังหวัดทั้งหมดของอินโดนีเซีย
ด้านนายอานีสที่คะแนนมาเป็นอันดังสองกล่าวว่า เขาพร้อมจะยอมรับผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างช้าที่สุดในวันที่ 20 มี.ค. พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดัน “ขบวนการสร้างความเปลี่ยนแปลง” ต่อไป