นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัด กระทรวงการต่างประเทศ และนายสุริยัน วิจิตรเลขการ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute: MI) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศในนามของ ประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) กับสถาบัน MI ว่าด้วยการสนับสนุนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS ณ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเร็วๆนี้
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และขับเคลื่อนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS โดยมีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานสถาบัน MI ผู้แทนกรมที่เกี่ยวข้องของกระทรวงฯ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิก ACMECS และประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS ในประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
ในโอกาสดังกล่าว รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวแสดงความยินดีกับการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และเห็นว่า พิธีลงนามฯ จัดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการจัดตั้ง ACMECS ในปี 2566 โดยบันทึกความเข้าใจฯ นี้ จะมีส่วนช่วยสนับสนุน ACMECS ในการตอบสนองต่อความท้าทายทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ในขณะที่รักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์หลักของการเป็นกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพียงกรอบเดียวที่มีประเทศลุ่มน้ำโขงทั้งห้าประเทศ (ไทย ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม) เป็นผู้ขับเคลื่อน
นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฯ จะช่วยสนับสนุนบทบาทของ ACMECS ในการเป็น “จุดเชื่อมต่อ” เพื่อสอดประสานความร่วมมือในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในการลดช่องว่างทางการพัฒนาในอนุภูมิภาคฯ และส่งเสริมการรวมตัวของอาเซียนด้วย
การลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ เป็นผลมาจากการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส ACMECS เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ซึ่งเห็นชอบในหลักการตามข้อเสนอของไทยให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS ณ กระทรวงการต่างประเทศ ที่กรุงเทพฯ โดยมีภารกิจหลัก 4 ประการ ได้แก่
ทั้งนี้ สถาบัน MI จะทำหน้าที่เป็นสำนักงานสนับสนุน (back office) ในการดำเนินภารกิจดังกล่าวของสำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ
ACMECS เป็นกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งริเริ่มจัดตั้งโดยไทยเมื่อปี 2546 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และโอกาส การจ้างงาน รวมถึงลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย ตลอดจนส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partners: DPs) ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เข้ามามีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในอนุภูมิภาคฯ อย่างสอดประสานกัน