สถานทูตเตือนไปเมียนมาเลี่ยงพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก-รัฐฉาน

08 ธ.ค. 2566 | 00:20 น.

สถานการณ์สู้รบในเมียนมายังน่าเป็นห่วง สถานทูตไทยเตือนนักเดินทางหลีกเลี่ยงพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก ย้ำก่อนเดินทางให้ตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่าละเมิดกฎห้ามต่างชาติซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเมืองล่าเซี่ยวและท่าขี้เหล็ก ฝ่าฝืนโทษถึงคุก

 

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ประกาศข้อแนะนำในการเดินทางสำหรับคนไทยที่อาศัยหรือท่องเที่ยวใน ประเทศเมียนมา ซึ่งกำลังมี สถานการณ์ไม่สงบ ในหลายพื้นที่ ดังนี้

1. ในระยะที่ผ่านมา เมียนมาประกาศกฎอัยการศึก ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะรัฐฉานตอนเหนือ หากเป็นไปได้ขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ เมียนมายังออกประกาศบังคับ ห้ามคนต่างชาติซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเดินทางไปเมืองล่าเซี่ยวและท่าขี้เหล็ก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 โดยที่ผ่านมาพบว่ามีคนต่างชาติได้รับโทษจากการเข้าพื้นที่ดังกล่าวด้วยแล้ว (ถือว่าผิดกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองมีโทษจำคุกและโทษปรับ)

2. สำหรับการเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ รวมทั้งกรุงย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ พุกาม และเมืองอื่นๆ ในเมียนมา ขอให้ผู้เดินทางติดตามข้อมูลข่าวสารเพื่อตรวจสอบสถานการณ์จากแหล่งข่าวหรือบริษัทนำเที่ยวอย่างใกล้ชิด 

3. ขอความร่วมมือคนไทยที่พำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมา ลงทะเบียนการพำนักในเมียนมา กับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อติดต่อและรับข้อมูลในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ทางลิงค์  https://docs.google.com/.../1EvXE8rSvSfLMPcyw.../viewform...

หรือกรณีต้องการติดต่อกับทางสถานทูต เบอร์ฉุกเฉินสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้แก่ +95 9880916795 หรือทางไลน์ Official Thai Consular ID Line: @395cxuuo (มี @)

การสู้รบยังดุเดือด-ประกาศกฎอัยการศึก

ด้านสื่อต่างประเทศรายงานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า รัฐบาลทหารเมียนมา ได้ประกาศกฎอัยการศึก จ.กอกาเลก เพื่อปราบกลุ่มต่อต้านรัฐประหารและกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลทหารเพลี่ยงพล้ำหนัก ทั้งนี้ ฝ่ายกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาประกอบด้วยกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ร่วมกับกองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ) ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ กองกำลังทหารทั้งของเคเอ็นยูและพีดีเอฟ ได้ผนึกกำลังกันโจมตีค่ายทหารเมียนมา และสถานที่ราชการหลายแห่ง จากนั้นได้ยึดพื้นที่จังหวัดกอกาเลก ในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ ฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมายังไม่สามารถยึดพื้นที่สำคัญคืนจากฝ่ายต่อต้านได้ ล่าสุด จึงได้มีการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดกอกาเลก ซึ่งลึกจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอ.แม่สอดไปประมาณ 65 กิโลเมตร

กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดพื้นครอบคลุม ประกอบด้วย ด้านทิศตะวันออก ถึงเขตติดต่อ อ.เมียวดี จ.เมียวดี,ด้านทิศตะวันตก ถึงเขตติดต่อ อ.ไจ้มะยอ จ.มะละแหม่ง,ด้านทิศใต้ ถึงเขตติดต่อ อ.จ่าอินเซ็กจี จ.จ่าอินเซ็กจี และด้านทิศเหนือ ถึงเขตติดต่อ อ.ผาอัน และ อ.แลงปอย จ.ผาอัน

การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาได้อ้างอิงประกาศกฎอัยการศึกตามมาตรา 144 ที่ห้ามไม่ให้มีการชุมนุม รณรงค์ปลุกปั่น เชิญชวน เดินขบวนประท้วง หรือรวมตัวกันจำนวนมากกว่า 5 คน ตามท้องถนน ตรอก ซอกซอย สวนสาธารณะ หรือสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ในตัวเมืองกอกาเล็ก ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2566 – 2 ก.พ. 2567 ระหว่างเวลา 19.00 น.ถึง เวลา 06.00 น. เพื่อไม่ให้มีการสร้างความวุ่นวาย และความขัดแย้งเกิดขึ้น

จนถึงขณะนี้ ฝ่ายกองกำลังของเคเอ็นยูและพีดีเอฟ ยังคงยึดพื้นที่ไว้หลายแห่งในเมืองกอกาเลก แม้ว่าฝ่ายกองกำลังของรัฐบาลทหารเมียนมาจะได้ปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ฝ่ายต่อต้านล่าถอยออกไป ขณะที่การสู้รบภาคพื้นดินฝ่ายเมียนมายังไม่สามารถยึดพื้นที่คืนได้

เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเมียนมา

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 พื้นที่ที่มีการต่อสู้อย่างหนัก คือ บริเวณรัฐฉานทางภาคเหนือของประเทศ โดยเฉพาะในเขตปกครองพิเศษโกก้าง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) หรือกองทัพโกก้าง พื้นที่ดังกล่าวมีพรมแดนติดกับมณฑลยูนนานของจีน และมีเมืองเอกคือเมืองเล้าห์ก่าย ที่มีคนไทยและต่างชาติเข้าไปทำงานอยู่มากดังปรากฏเป็นข่าว

สำนักข่าวอิระวดีรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกองกำลัง MNDAA ของกลุ่มชาติพันธุ์โกก้าง ระบุว่า MNDAA สามารถยึดฐานทัพบนยอดเขาของกองทัพเมียนมา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่นอกเมืองเล้าห์ก่ายได้ทั้งหมดแล้ว หลังจากสู้รบมาเป็นเวลา 3 วันสำหรับภาพรวมของการปฏิบัติการทางการทหารในรัฐฉานตอนเหนือตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังสามารถยึดครองหลายเมืองทางภาคเหนือ

ขณะที่ด้านตะวันตกของประเทศ มีการสู้รบอย่างหนักในรัฐยะไข่ การสู้รบหลักอยู่ที่เมืองเพ้าก์ตอว์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ประมาณ 25 กิโลเมตร กองทัพอาระกัน หรือ AA ได้บุกเข้ายึดเมืองได้เมื่อกว่า 10 วันที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นกองทัพเมียนมาก็ได้เปิดฉากโจมตีอย่างหนักเพื่อยึดเมืองคืน ทำให้ประชาชนในเมืองเพ้าก์ตอว์จำเป็นต้องอพยพหนีภัยจากการสู้รบเป็นจำนวนมาก

ย่างกุ้งขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง

ย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงและปัจจุบันยังเป็นศูนย์กลางการค้า-การลงทุนที่สำคัญของเมียนมา กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง มีรถยนต์หลายร้อยคันเข้าคิวตั้งแต่เช้าตรู่หน้าสถานีบริการน้ำมันด้วยความหวังว่าจะได้เติมน้ำมันเบนซิน

หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar ซึ่งเป็นสื่อของทางการเมียนมา รายงานว่า การขาดแคลนน้ำมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอังคาร (5 ธ.ค.) และมีสาเหตุมาจากความล่าช้าในการจัดส่งน้ำมันจากท่าเรือติละวาไปยังปั๊มน้ำมัน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ระบุเพียงว่า เชื้อเพลิงส่วนใหญ่ของย่างกุ้งถูกส่งผ่านทางท่าเรือ แต่ค่าเงินจั๊ตท้องถิ่นร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนในปี 2021 ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการชำระค่าขนส่งเชื้อเพลิงของผู้นำเข้า 

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า รถยนต์และจักรยานยนต์หลายสิบคันจอดเรียงรายกันในตอนเช้าตรู่ในย่างกุ้ง ขณะที่ในเมืองพะโค ทางเหนือของย่างกุ้ง สถานการณ์ย่ำแย่พอกัน โดยปั๊มน้ำมันบางสาขาจำเป็นต้องจำกัดการขาย ให้ลูกค้าแต่ละรายเติมน้ำมันได้สูงสุดที่ 20 ลิตรเท่านั้น 

เศรษฐกิจในภาพรวมของเมียนมาเริ่มถดถอยนับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 ซึ่งก่อให้เกิดการจลาจลเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ทั่วประเทศ แต่ก็ถูกตอบโต้ด้วยการปราบปรามอย่างเฉียบขาดและโหดร้าย ซึ่งทำให้นับแต่นั้นมา "กองกำลังป้องกันประชาชน" ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลทหาร รวมทั้งกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย ได้รวมตัวกันทั่วประเทศเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมา โดยมีการปะทะกันเป็นประจำในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ