3 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังรัสเซียประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 4 แคว้นยูเครน

20 ต.ค. 2565 | 07:56 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2565 | 17:03 น.

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 4 แคว้นทางภาคตะวันออกของยูเครนที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย มีผลตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (19 ต.ค.) ต่อไปนี้คือการประมวลรวบรวมสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้  

 

วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศใช้ กฎอัยการศึก ในแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย เมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) หลังประกาศ ผนวก  4 แคว้น ดังกล่าวของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แม้จะเป็นการบังคับใช้อำนาจเพียงฝ่ายเดียว และไม่ได้มีอำนาจควบคุมพื้นที่เหล่านี้อย่างเต็มที่ แต่ปธน.ปูตินก็ประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 แคว้นนี้เสมือนเป็นพื้นที่ของ รัสเซีย เอง 



สื่อต่างประเทศรายงานว่า กฎหมายที่มีมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2002 นี้ ไม่เคยถูกประกาศใช้มาก่อน และจะถูกใช้ได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียเผชิญการรุกราน หรือ มีภัยเสี่ยงต่อการถูกรุกรานแบบฉับพลัน

 

อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ทำการประเมินเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เอาไว้ดังนี้ 

แผนที่ 4 แคว้นทางภาคตะวันออกของยูเครน (บริเวณที่มีเส้นสีแดงทแยง) ที่ถูกประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

1) การระดมพล

กฎอัยการศึกของรัสเซียกำหนดให้มีการระดมกำลังพลโดยทั่วไปหรือระดมกำลังพลบางส่วน

 

อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้เริ่มระดมพลบางส่วนแล้วทั้งในประเทศรัสเซียเอง และในดินแดนของยูเครนส่วนที่รัสเซียยึดครองไว้ได้ จึงยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารัสเซียจะเรียกระดมพลเพิ่มหรือไม่

 

ทั้งนี้ กฎอัยการศึกมอบอำนาจให้ทางการรัสเซียประกาศใช้มาตรการต่าง ๆได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกองกำลังติดอาวุธรัสเซีย และเพื่อการปกป้องดินแดน



วิตาลี คิม ผู้ว่าการแคว้นมีโคลาอีฟทางตอนใต้ของยูเครนกล่าวกับรอยเตอร์ว่า เขาเชื่อว่ารัสเซียประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้รัสเซียสามารถระดมกำลังจากประชาชนที่ยังเหลืออยู่ใน 4 แคว้นของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญออกโรงเตือนว่า การบังคับให้พลเมืองในพื้นที่ ต้องปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังของฝ่ายที่เข้ายึดครอง ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยการดำเนินการสงคราม

ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขอย้ำอีกครั้งว่า สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ตลอดจนภูมิภาคเคอร์ซอน และซาปอริซเซีย เป็นพื้นที่ภายใต้การบังคับใช้กฎอัยการศึก

2) การจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน
กฎอัยการศึกมอบอำนาจให้ทางการจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน รวมถึงกำหนดเคอร์ฟิวให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัยหลังเวลาที่กำหนด



พาเวล ชิคอฟ ทนายด้านสิทธิมนุษยชนชาวรัสเซีย ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้มีการตั้งจุดตรวจและการตรวจยานพาหนะ และมอบอำนาจให้ทางการสามารถกักตัวประชาชนได้ไม่เกิน 30 วัน



ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายรัสเซียแต่งตั้งในเขตปกครองเคอร์ซอน ได้ประกาศห้ามพลเมืองจากที่อื่นเดินทางเข้าเมืองเป็นเวลา 7 วัน ขณะที่สำนักข่าวทาสส์ (TASS) สื่อทางการของรัสเซีย รายงานว่า วลาดิเมียร์ ซัลโด ผู้ว่าการเขตปกครองเคอร์ซอนที่แต่งตั้งโดยรัสเซีย ระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้เคอร์ฟิว แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ประกาศว่าได้มอบอำนาจการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวให้กับกองทัพรัสเซียแล้ว
 

3) การบังคับย้ายที่อยู่อาศัย

ชิคอฟ ทนายด้านสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นว่า กฎอัยการศึกยังอาจทำให้รัฐบาลสามารถ "บังคับ" ประชาชนให้ย้ายที่อยู่อาศัยไปยังภูมิภาคอื่นได้
 

กฎหมายรัสเซียอนุญาตให้ทางการกำหนดให้ประชาชน “ย้ายถิ่นฐาน” ไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้มีการขนย้าย “สิ่งของที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม”

 

ผู้ว่าการเขตปกครองเคอร์ซอนประกาศเมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) ว่า จะมีการอพยพประชาชน 50,000 – 60,000 คน ออกจากพื้นที่บางส่วนในช่วงเวลา 6 วันนับจากนี้ ขณะที่ยูเครนก็จ้องทำการโจมตีตอบโต้กับกองทัพรัสเซียเพื่อยึดพื้นที่คืน

  ประชาชนในเคอร์ซอนยืนออริมท่าเรือรอการอพยพตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวทาสส์รายงานอ้างอิงนายนิโคไล พาทรูเชฟ เลขานุการสภาความมั่นคงรัสเซีย ที่ระบุว่า ประชาชน 5 ล้านคนจากแคว้นดอนบาสและพื้นที่อื่น ๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ได้ “ลี้ภัย” ในรัสเซียในช่วงไม่กีปีมานี้ เพื่อหลบหนีการปราบปรามจากรัฐบาลยูเครน

 

แต่ฝ่ายยูเครนกล่าวหาว่า รัสเซียกำลังเปิดปฏิบัติการ "เนรเทศ" ประชาชนยูเครนออกจากพื้นที่ที่รัสเซียเข้ามายึดครอง นับเป็นข้อมูลที่สอดประสานกับทูตอเมริกันที่กล่าวไว้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า รัสเซียอาจบังคับให้ชาวยูเครน 90,000 ถึง 1.6 ล้านคน ย้ายออกจากพื้นที่ที่รัสเซียเข้ายึดครอง พร้อมทั้งกล่าวหาว่า พฤติกรรมของรัสเซียนับเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม