กลาโหมสหรัฐโหนกระแส ‘ท็อปกัน’ ตั้งโต๊ะหน้าโรงหนัง ชวนคนสมัครเป็นทหาร

22 ก.ค. 2565 | 06:12 น.

กองทัพสหรัฐงัดกลยุทธ์ใหม่ชวนคนสมัครเป็นทหาร ด้วยการโหนกระแสความดังของภาพยนตร์ ‘ท็อปกัน มาเวอริค’ ที่ ทอม ครูซ รับบทนักบินขับไล่ของกองทัพเรือ นำโต๊ะมาตั้งรับสมัครกันหน้าโรงหนัง ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่รู้สึกฮึกเหิมจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ มาเข้าร่วมกองทัพ

พลตรี เอ็ดเวิร์ด โธมัส หัวหน้า หน่วยงานรับสมัครทหารใหม่ แห่ง กองทัพอากาศสหรัฐ เปิดเผยว่า ตอนที่ ภาพยนตร์ท็อปกัน ภาคแรกเปิดตัวในปี 1986 กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้รับใบสมัครทหารใหม่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงอยากเห็นผู้คนกลับมาตื่นเต้นอีกครั้งกับการปฏิบัติหน้าที่ของชายชาติทหาร ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเหล่าใด

 

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มีเหตุผลหลายข้อที่ทำให้เจ้าหน้าที่กองทัพ ต้องนำวิธีข้างต้นมาใช้ เพราะที่ผ่านมายอดผู้สมัครเข้ากองทัพทุกภาคส่วนของสหรัฐได้ลดลงไป  จากเหตุผลหลัก ๆ คือเรื่องการระบาดของโควิด-19 ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกไปพบเจอและเชิญชวนผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆได้  นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของอัตราการว่างงานที่ต่ำในปัจจุบัน การตัดสินใจทำงานกับบริษัทเอกชนของคนรุ่นใหม่ที่เงินเดือนอาจสูงกว่าการเข้าร่วมกองทัพสหรัฐ และความยากที่ผู้สมัครต้องผ่านการทดสอบด้านร่างกาย จิตใจ และจริยธรรม เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดผู้สมัครเข้ากองทัพลดลง

 

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 ก.ค.) กองทัพบกสหรัฐประกาศว่า หากการจ้างทหารรุ่นใหม่เข้ามายังเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทางการจะต้องตัดลดจำนวนของทหารในกองทัพบกทั้งหมดภายในสองปีข้างหน้า และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต คือ อุปสรรคในการป้องกันประเทศ

เมื่อภาพยนตร์เป็นแรงบันดาลใจดึงคนรุ่นใหม่เข้ากองทัพ

พลเอก โจเซฟ มาติน รองเสนาธิการทหารบกสหรัฐ ประเมินว่า กองทัพบกจะมีทหารทั้งหมดจำนวน 466,400 นายในปีนี้ (2565) ต่ำกว่าตัวเลข 476,000 นายที่คาดการณ์เอาไว้ และภายในสิ้นปีหน้า (2566) กองทัพบกอาจมีทหารระหว่าง 445,000 - 452,000 นาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของการดึงดูดทหารรุ่นใหม่เข้ากองทัพ และการโน้วน้าวให้ทหารที่อยู่ในกองทัพปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

 

ขณะนี้ เหลือเวลาเพียงแค่สองเดือนเศษเท่านั้นก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณของสหรัฐในวันที่ 30 ก.ย. 2565

 

ท่าที่ผ่านมา กองทัพบกสหรัฐสามารถดึงดูดผู้สมัครหน้าใหม่ได้เพียง 50% ของเป้าหมาย 60,000 นายที่ตั้งไว้ ดังนั้น จึงประเมินได้ว่าเมื่อมาถึงวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทางกองทัพจะพลาดเป้าที่ตั้งไว้ถึง 25%

 

รายงานระบุว่า แม้สถานการณ์การจ้างทหารใหม่ของกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และเหล่านาวิกโยธินสหรัฐนั้นจะไม่ย่ำแย่เท่าทางกองทัพบก แต่เหล่าผู้บังคับบัญชาการของกองกำลังเหล่านั้นต่างก็หวังว่า จะสามารถรับคนเข้ามาใหม่ได้ตามเป้าหมาย หรือต่ำกว่าเป้าหมายเพียงเล็กน้อยในปีนี้

ตัวเอกอย่างทอม ครูซ ฉายภาพนายทหารสุดเก่งกาจและแข็งแกร่งที่สุดในสามโลก

กองทัพอากาศเปิดเผยว่า ช่วงเริ่มต้นแต่ละปี กองทัพอากาศมักจะบรรลุเป้าหมายทหารใหม่ที่เข้ามาสมัครราว 25% ของยอดทั้งหมด แต่ปีนี้คิดว่าจะได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ทางด้านกองทัพเรือและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐนั้น สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาสมัครได้ 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าในที่สุด จะต้องลดเป้าที่ประเมินไว้ลงมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น กองทัพจึงพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจเพื่อจะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสมัคร เช่นการเสนอเงินบำเหน็จหรือโบนัสที่ก้อนใหญ่ขึ้น

 

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่กองทัพอากาศสหรัฐได้อนุมัติเงินโบนัสเพิ่มเติมถึงสองรอบในปีงบประมาณเดียวกัน โดยเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว (2564) กองทัพอากาศได้รับการจัดสรรงบเงินโบนัสเพื่อดึงดูดทหารใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 17.5 ล้านดอลลาร์ แต่พอมาถึงต้นเดือนเม.ย.ปีนี้ ทางกองทัพอากาศกลับทำการอนุมัติเพิ่มจำนวนเงินอีก 14 ล้านดอลลาร์ และอีกสามเดือนหลังจากนั้น ก็เพิ่มงบขึ้นอีก 7 ล้านดอลลาร์ด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมีการผ่อนปรนคุณสมบัติในตัวผู้สมัครบางประการ เพื่อให้คนที่เคยสมัครแต่ไม่ผ่านเกณฑ์เดิม สามารถมีโอกาสเข้าร่วม เช่น กองทัพเรือมีการอนุโลมให้เข้าร่วม หากผู้สมัครเคยใช้กัญชามาก่อนหรือมีรอยสักร่างกายในบริเวณที่สามารถเห็นได้ง่าย รวมทั้งที่คอ ซึ่งเมื่อก่อนไม่อนุญาต

 

ส่วนกองทัพอากาศก็อนุโลมให้สมัครได้ หากผู้สมัครเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สามารถหาคนมาดูแลลูก ๆ จำนวนไม่เกินสองคนของพวกเขาได้ ในยามที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ

 

สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในห้องโถงโรงภาพยนตร์ที่ฉายหนัง ‘ท็อปกัน มาเวอริค’ กองทัพอากาศสหรัฐจัดให้ทีมงาน แต่งชุดเครื่องแบบเต็มยศประกาศเชิญชวนเรียกความสนใจ เด็กหนุ่มวัย 22 ปีคนหนึ่งที่สนใจสมัครเข้าร่วมงานกับกองทัพจากแคมเปญนี้ เล่าว่า ภาพยนตร์‘ท็อปกัน มาเวอริค’ เป็นแรงจูงใจและได้พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเขาควรสมัครเข้ากองทัพหลังเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์