พบแล้ว! ซากเครื่องบินเนปาลตกกลางหุบเขา ไม่ยืนยันผู้รอดชีวิต

30 พ.ค. 2565 | 06:03 น.

กองทัพอากาศเนปาลแถลงวันนี้ (30 พ.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้พบซากเครื่องบินของสายการบินทารา แอร์แล้ว โดยพบจุดตกที่บริเวณหุบเขาของเนปาลในสภาพแหลกละเอียด และยังไม่ยืนยันว่ามีผู้รอดชีวิตหรือไม่ จนถึงขณะนี้พบแล้ว 20 ศพ เหลืออีก 2 คนยังไม่ทราบชะตากรรม

พบแล้ว เครื่องบินตก จากกรณี เครื่องบินของสายการบินเนปาล "ทารา แอร์" พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด 22 ราย เดินทางจากเมืองโปขระไปยังเมืองจอมสมในเขตมุสตางค์ของประเทศเนปาล ได้สูญหายไปหลังขึ้นบินในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ค.ตามเวลาเนปาล โดยเครื่องบินลำดังกล่าวบินออกจากสนามบินเมืองโปขระเมื่อเวลา 09.55 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันอาทิตย์ และควรลงจอดที่สนามบินจอมสมเวลา 10.20 น. แต่กลับขาดการติดต่อกับหอควบคุมหลังเทคออฟไม่กี่นาที

 

ล่าสุด แถลงการณ์ของกองทัพอากาศเนปาลระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวตกลงในเมืองซานอสวาร์ ใกล้กับเมืองจอมสมซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางตามกำหนดการการบิน

 

ทั้งนี้ หลังจากกองทัพอากาศได้รับทราบเหตุเครื่องบินตก ก็ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหา นอกจากนี้ ภาคเอกชนของเนปาลก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ร่วมช่วยค้นหาด้วย แต่ปฏิบัติการค้นหาเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

ซากเครื่องบินที่พบกระจัดกระจายในหุบเขา

ก่อนหน้านี้ในเช้าวันเดียวกันโฆษกท่าอากาศยานโปขระเผยก่อนที่จะพบซากเครื่องบินว่า ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินเริ่มขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ (30 พ.ค.) แม้ว่าสภาพอากาศยังไม่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ต้องระงับการค้นหาไปเมื่อค่ำวานนี้ ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยและทหารภาคพื้นดินได้ย้ายจุดค้นหาไปยังจุดต้องสงสัยว่าเครื่องบินตก โดยติดตามจากสัญญาณต่าง ๆ ทั้งจีพีเอส โทรศัพท์เคลื่อนที่ และดาวเทียม

ญาติผู้โดยสารรอฟังผลการค้นหาอย่างมีความหวัง

โฆษกกองทัพบกแถลงว่า ทีมเจ้าหน้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่เครื่องบินตกเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ ยังมีการทวีตภาพซากเครื่องบินกระจัดกระจายทั่วเชิงเขา และเห็นหมายเลขจดทะเบียน 9 เอ็น-เออีที (9N-AET) อย่างชัดเจนบนชิ้นส่วนที่น่าจะเป็นปีกเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานยืนยันว่ามีการพบผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้หรือไม่

 

โฆษกของสายการบินทาราแอร์ (Tara Air) เผยว่า เครื่องบินทวิน ออตเตอร์ ที่หายไปเมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) มีผู้โดยสาร 19 คน ลูกเรือ 3 คน ผู้โดยสาร 4 คนเป็นชาวอินเดีย และ 2 คนเป็นชาวเยอรมัน ที่เหลือเป็นชาวเนปาล

 

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงโฆษกของสนามบินนานาชาติตริภูวันเผยช่วงเช้าวันจันทร์ (30 พ.ค.)ว่า ได้พบร่างผู้โดยสารและลูกเรือแล้ว 14 ศพจากจุดตกของเครื่องบิน และการค้นหาคนอื่นๆ ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเนปาลกล่าวว่า “มีโอกาสน้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิต”



ทั้งนี้จุดเครื่องบินตกอยู่ในบริเวณหุบเขาของภูเขา Dhaulagiri ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดอันดับ 7 ของโลก (ความสูง 8,167 เมตร หรือราว 26,795 ฟุต) ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเนปาลกับจีน ทหารจากกองทัพเนปาลและเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ กำลังปฏิบัติการค้นหาในสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาที่ระดับความสูงประมาณ 14,500 ฟุต ทำให้มีความยากลำบากประกอบกับสภาพอากาศมีเมฆปกคลุมหนาแน่น
 

ทาราแอร์เป็นสายการบินเอกชน เคยเกิดอุบัติเหตุในเส้นทางบินเดียวกันนี้ครั้งหลังสุดในปี 2559 โดยเครื่องบินชนกับเชิงเขา คร่าชีวิต 23 คนบนเครื่องทั้งหมด รายงานข่าวระบุว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินป่าชาวต่างชาติที่อยากสัมผัสประสบการณ์กับเส้นทางบนเขา รวมทั้งผู้แสวงบุญชาวอินเดียและเนปาล ที่มาเยี่ยมชมวัดมุกตินาถ (Muktinath) อันเป็นที่เคารพสักการะ

 

สำหรับสถิติอุบัติเหตุเครื่องบินตกในพื้นที่ภูเขาของเนปาล เคยมีบันทึกไว้ว่า นอกจากเหตุการณ์ล่าสุด และเครื่องบินชนภูเขาเมื่อปี 2559 ดังกล่าวข้างต้น ย้อนไปอีกในปี 2557 สายการบิน เนปาล แอร์ไลน์ส เที่ยวบินจากโปขระไปยังเมืองจุมลา ตกลงและผู้โดยสาร 18 คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด และก่อนหน้านั้นปี 2555 เที่ยวบินของสายการบินแอคนี แอร์ ตกและคร่าชีวิต 15 คน ขณะที่ 6 คนรอดชีวิต

 

อัพเดทการค้นหาล่าสุด ช่วงบ่ายวันจันทร์ (30 พ.ค.) เจ้าหน้าที่เนปาลเปิดเผยผลการค้นหา พบศพผู้โดยสารและลูกเรือสายการบินทารา แอร์ เพิ่มเติมอีก รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 20 ศพ ขณะที่อีก 2 คนยังไม่ทราบชะตากรรม